แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 3 ไม่ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 รับซื้อกระบือของกลางการที่จำเลยที่ 3 อยู่ร่วมกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 ขณะถูกจับกุมยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 3 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 ครอบครองกระบือดังกล่าว
หลังจากจำเลยที่ 1 ที่ 2 รับซื้อกระบือของกลางแล้ว จำเลยที่ 3 ได้ร่วมปรึกษากับจำเลยที่ 1 ที่ 2 ว่าจะหาเงินให้ผู้ขายอย่างไร เอากระบือไปขายที่ไหนเมื่อขายได้แล้วจะนำกำไรมาแบ่งกันวันต่อมาจำเลยที่ 1 ที่ 2 พาจำเลยที่ 3 ไปดูกระบือที่ผูกซ่อนไว้จึงถูกจับกุม ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 3 ลงมือกระทำผิด เป็นเพียงการตระเตรียมที่จะร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 เท่านั้น จึงยังไม่เป็นความผิดฐานรับของโจร
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๓๓๕, ๓๕๗ และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนเป็นเงิน ๗,๐๐๐ บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๗ จำคุกคนละ ๔ ปี ลดโทษให้ตามมาตรา ๗๘ หนึ่งในสามคงจำคุกคนละ ๒ ปี ๘ เดือน ยกคำขอในส่วนที่ให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนยกฟ้องข้อหาลักทรัพย์
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหารับของโจรเฉพาะที่เกี่ยวกับจำเลยที่ ๓ ด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์นำสืบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่จับจำเลยที่ ๓ ได้พร้อมกับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ห่างจากจุดที่พบจำเลยทั้งสามประมาณ ๑๐๐ เมตร และจุดที่พบจำเลยทั้งสามนั้นอยู่ห่างจากกระบือที่ผูกซ่อนไว้ในป่าละเมาะประมาณ ๓-๔ เมตร นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยที่ ๓ มาอยู่กับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ด้วยเหตุใดก็ไม่ปรากฏตามคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ เอกสารหมาย จ.๖ และจ.๗ ก็ได้ความเพียงว่าจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ รับซื้อกระบือจากนายลำยองส่วนจำเลยที่ ๓ ไม่ได้ซื้อด้วย จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ เป็นผู้ครอบครองกระบือที่รับซื้อ ลำพังแต่ได้ความว่าจำเลยที่ ๓ อยู่กับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ขณะถูกจับเพียงเท่านั้นยังไม่พอฟังว่าจำเลยที่ ๓ ได้ร่วมกับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ครอบครองกระบือแม้จะได้ความตามคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ว่า เมื่อซื้อกระบือจากนายลำยอง แล้วจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ได้พบจำเลยที่ ๓ และได้ร่วมปรึกษากันว่าจะหาเงินให้นายลำยอง อย่างไร จะเอากระบือไปขายที่ไหน เมื่อขายได้แล้วจะเอากำไรมาแบ่งกัน และได้ความจากที่โจทก์นำสืบว่าวันต่อมาจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ได้พาจำเลย ที่ ๓ ไปดูกระบือที่ผูกซ่อนไว้ในป่าละเมาะแล้วจึงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับได้ก็ตามก็เป็นเพียงการตระเตรียมของจำเลยที่ ๓ ที่จะร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ เท่านั้นจำเลยที่ ๓ ยังไม่ลงมือกระทำความผิด คือ ยังไม่ได้ช่วยขายกระบือหรือรับกระบือไว้ก็ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับเสียก่อน การกระทำของจำเลยที่ ๓ จึงยังไม่เป็นความผิดฐานรับของโจรตามที่โจทก์ฟ้อง
พิพากษายืน.