คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 471/2533

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยให้ อ.เช่าที่พิพาทโดยยอมให้นำไปให้เช่าช่วงได้อ.นำที่พิพาทไปให้โจทก์เช่าช่วงโดยทำหนังสือมอบอำนาจให้โจทก์ไปจดทะเบียนการเช่าช่วง แต่เมื่อ อ. ประพฤติผิดสัญญาเช่าที่ทำไว้กับจำเลยโดยไม่ชำระค่าเช่าจนจำเลยต้องบอกเลิกสัญญา ฟ้องขับไล่และศาลพิพากษาขับไล่ อ.ออกจากที่พิพาทแล้วอ. ย่อมหมดสิทธิครอบครองและให้โจทก์เช่าช่วงที่พิพาทอีกต่อไป โจทก์จึงไม่อาจนำหนังสือรับมอบอำนาจของ อ.มาบังคับให้จำเลยไปจดทะเบียนการเช่าที่พิพาทให้โจทก์ได้ ทั้งนี้ไม่ว่าการเช่าช่วงที่โจทก์อ้างจะกระทำกันก่อนหรือหลังที่ศาลพิพากษาให้ขับไล่ อ. ออกไปจากที่พิพาทผลของคดีก็ไม่แตกต่างกัน หากโจทก์ได้รับความเสียหายอย่างไร ก็ชอบที่จะไปว่ากล่าวกับ อ. ผู้ให้เช่าช่วงผู้ประพฤติผิดสัญญาต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำสัญญาให้นายอนันต์ สุดใจชนะเช่าที่ดินของจำเลยโฉนดเลขที่ 20998 ตำบลบางขุนศรี (บางขุนนนท์)อำเภอบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร มีกำหนดเวลา 20 ปีเพื่อให้นายอนันต์ปลูกสร้างตึกแถวลงบนที่ดินดังกล่าว 7 ห้องมีข้อตกลงว่าเมื่อครบกำหนดเวลาเช่าแล้วนายอนันต์ยอมให้สิ่งปลูกสร้างที่ได้ก่อสร้างลงบนที่ดินแปลงดังกล่าวตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย โดยจำเลยยินยอมให้นายอนันต์นำที่ดินที่เช่าไปให้ผู้อื่นเช่าช่วงได้ จำเลยได้ให้ความยินยอมให้นายอนันต์นำตึกแถวเลขที่399/81 ซึ่งปลูกสร้างอยู่บนที่ดินที่เช่าดังกล่าวมาขายฝากโจทก์ครบกำหนดแล้วนายอนันต์ไม่ไถ่ถอน ตึกแถวดังกล่าวจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ และนายอนันต์ได้ตกลงให้โจทก์เช่าช่วงที่ดินเฉพาะส่วนที่ตึกแถวดังกล่าวปลูกสร้างอยู่ที่กำหนดเวลา 19 ปี7 เดือน นายอนันต์ได้ทำหนังสือมอบอำนาจเพื่อให้โจทก์ไปจดทะเบียนการเช่าที่ดินดังกล่าวได้ โจทก์จึงได้ติดต่อให้จำเลยไปจดทะเบียนการเช่าช่วงให้แก่โจทก์ จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยนำโฉนดที่ดินโฉนดเลขที่ 20998 เฉพาะส่วนที่เช่าช่วงไปจดทะเบียนการเช่าช่วงให้แก่โจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาจดทะเบียนการเช่าช่วงที่ดินแทนจำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่เคยยินยอมให้นายอนันต์นำตึกแถวดังกล่าวไปขายฝากให้แก่โจทก์ ต่อมานายอนันต์ผิดสัญญาไม่ยอมชำระค่าหน้าดินจำนวน 140,000 บาท และค่าเช่าที่ดินให้แก่จำเลย จำเลยจึงบอกเลิกสัญญาเช่าแก่นายอนันต์ เมื่อสัญญาระหว่างจำเลยและนายอนันต์เลิกต่อกันแล้วโจทก์ไม่มีสิทธิที่จะบังคับให้จำเลยไปจดทะเบียนการเช่าที่ดินได้ ขอให้ยกฟ้องและบังคับให้โจทก์รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 20998จำเลยทิ้งฟ้องแย้ง ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะฟ้องแย้งศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยนำที่ดินโฉนดเลขที่ 20998 เฉพาะส่วนที่ตึกแถว 2 ห้องปลูกสร้างอยู่ไปจดทะเบียนการเช่าช่วงให้โจทก์มีกำหนดระยะเวลา 19 ปี 7 เดือน หากจำเลยไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาจดทะเบียนการให้เช่าแทนจำเลยจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามที่ศาลล่างทั้งสองฟังต้องกันว่า จำเลยให้นายอนันต์ สุดใจชนะ เช่าที่พิพาทปลูกสร้างอาคารตึกแถว 7 ห้องมีกำหนด 20 ปี ตกลงค่าเช่ากันเดือนละ 250 บาท และค่าหน้าดินอีก 140,000 บาท ผู้เช่านำที่พิพาทไปให้เช่าช่วงได้ เมื่อสัญญาเช่าครบกำหนด ผู้เช่ายอมให้สิ่งปลูกสร้างตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ให้เช่า ตามสำเนาสัญญาเช่าเอกสารหมาย ล.2 นายอนันต์ผู้เช่าได้ปลูกสร้างตึกแถวขึ้น 2 ห้องแล้วนำไปขายฝากไว้แก่โจทก์โดยความยินยอมของจำเลย เมื่อสัญญาขายฝากครบกำหนด นายอนันต์ไม่ไถ่ถอน ตึกแถว 2 ห้องดังกล่าวจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ต่อมานายอนันต์ผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าและค่าหน้าดินให้แก่จำเลยตามสัญญา จำเลยได้ฟ้องขับไล่และศาลได้พิพากษาให้นายอนันต์รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปตามคดีหมายเลขแดงที่ 1218/2528 ของศาลแพ่งธนบุรี คดีถึงที่สุดแล้วนายอนันต์ตกลงให้โจทก์เช่าช่วงที่พิพาทเฉพาะส่วนที่ปลูกสร้างตึกแถว 2 ห้องดังกล่าวพร้อมกับมอบอำนาจให้โจทก์ไปจดทะเบียนการเช่าช่วงตามหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.4 โจทก์แจ้งให้จำเลยนำโฉนดที่ดินไปจดทะเบียนการเช่าให้โจทก์ แต่จำเลยเพิกเฉย คดีมีข้อวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า จำเลยมีหน้าที่ต้องไปจดทะเบียนการเช่าให้แก่โจทก์ตามฟ้องหรือไม่ โจทก์ฎีกาว่านายอนันต์ตกลงให้โจทก์เช่าช่วงที่พิพาทแล้ว จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องไปจดทะเบียนการเช่าให้แก่โจทก์ เห็นว่าแม้สัญญาเช่าที่นายอนันต์ทำไว้กับจำเลยจะให้นายอนันต์มีสิทธินำที่พิพาทไปให้เช่าช่วงได้ และเมื่อนายอนันต์เอาที่พิพาทไปให้โจทก์เช่าช่วงโดยชอบดังที่โจทก์อ้างก็ตาม แต่เมื่อนายอนันต์ประพฤติผิดสัญญาเช่าที่ทำกับจำเลยโดยไม่ชำระค่าเช่าจนจำเลยต้องบอกเลิกสัญญา ฟ้องขับไล่และศาลได้พิพากษาขับไล่นายอนันต์ออกไปจากที่พิพาท คดีถึงที่สุดแล้วเช่นนี้ นายอนันต์ก็หมดสิทธิครอบครองและให้โจทก์เช่าช่วงที่พิพาทได้ต่อไป เหตุนี้โจทก์จึงจะใช้หนังสือมอบอำนาจของนายอนันต์ตามเอกสารหมาย จ.4 มาบังคับให้จำเลยไปจดทะเบียนการเช่าที่พิพาทตามฟ้องให้โจทก์หาได้ไม่ ไม่ว่าการเช่าช่วงที่โจทก์อ้างจะกระทำกันก่อนหรือหลังที่ศาลพิพากษาให้ขับไล่นายอนันต์ออกไปจากที่พิพาท ผลของคดีก็ไม่แตกต่างกัน หากโจทก์ได้รับความเสียหายอย่างไร ชอบที่จะไปว่ากล่าวกับนายอนันต์ผู้ให้โจทก์เช่าช่วงแล้วประพฤติผิดสัญญาดังกล่าวต่อไป”
พิพากษายืน

Share