คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 505/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พินัยกรรมที่ทำเป็นเอกสารฝ่ายเมืองนั้นเมื่อมีปลัดอำเภอเป็นผู้บันทึกในฐานะเป็นกรมการอำเภอ และมีพยานลงชื่อเป็นพยานอีก2 คนแล้ว ก็เป็นพินัยกรรมที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1658 แล้วแม้พยานทั้งสองคนจะเป็นเสมียนอำเภอก็ตาม ก็หาทำให้พินัยกรรมนั้นเสียไปอย่างใดไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่านายผ่อน นางแขบิดามารดาโจทก์มีบุตร 2 คน คือโจทก์และนายกร บิดามารดาได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้โจทก์กับนายกรนายกรและบิดามารดาได้วายชนม์แล้ว ทรัพย์สมบัติจึงตกได้แก่โจทก์ผู้เดียวตามพินัยกรรม ต่อมาโจทก์ได้ขอโอนรับมรดกโฉนดเลขที่ 1301 จำเลยคัดค้าน อ้างว่า เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2496 นางแขมารดาโจทก์ได้ทำพินัยกรรมฝ่ายเมืองยกโฉนดที่ดินท้ายฟ้องรวมราคา 142,000 บาท ให้จำเลยกับ น.ส.พูลทวี น.ส. ตุ๊ จำเลยใช้อุบายหลอกลวงให้นางแขทำพินัยกรรมและทำไม่ถูกต้องตามแบบพินัยกรรมฝ่ายเมืองไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ขอให้เพิกถอนพินัยกรรม

จำเลยต่อสู้ว่าพินัยกรรมดังกล่าวไม่มี และถูกลบล้างไปโดยพินัยกรรมซึ่งนายผ่อน นางแขได้ทำเมื่อ พ.ศ. 2480 แล้ว และนางแขได้ทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองลงวันที่ 21 ธันวาคม 2496 ยกทรัพย์สินให้จำเลยและ น.ส.พูลทวี น.ส.ตุ๊ โดยตัดโจทก์ออกจากทายาทแล้ว

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าเอกสารฝ่ายเมือที่จำเลยอ้างนั้นมีนายโอภาส เทพณรงค์ปลัดอำเภอเป็นผู้บันทึกในฐานะเป็นกรมการอำเภอเมืองภูเก็ต และมีนายแสวง นายนิทัศน์ลงชื่อเป็นพยาน 2 นายถูกต้องบริบูรณ์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1658 แล้ว แม้จะปรากฏว่านายแสวงเป็นปลัดอำเภอและนายนิทัศน์เป็นเสมียนอำเภอลงชื่อเป็นพยานในพินัยกรรมก็หาทำให้พินัยกรรมนั้นเสียไปอย่างใดไม่ และฟังว่าขณะทำพินัยกรรมนางแขมีสติดีพิพากษายืน

Share