แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินของโจทก์ซึ่งให้จำเลยเช่า จำเลยและบริวารก็ต้องออกไปจากที่ดินนั้น ข้อที่จำเลยโต้เถียงในชั้นบังคับคดีว่าบ้านเรือนที่ปลูกในที่ดินนั้นเป็นของจำเลยและจำเลยประสงค์จะรื้อเอาไปด้วย ฝ่ายโจทก์คัดค้านว่าบ้านเรือนตกเป็นของโจทก์แล้ว ไม่ยอมให้จำเลยรื้อไป เช่นนี้ ในชั้นบังคับคดีไม่มีประเด็นพิพาทกันว่าบ้านเรือนนั้นเป็นของโจทก์หรือของจำเลย จึงไม่เกี่ยวกับการที่จะบังคับจำเลยตามคำพิพากษาดังกล่าว
ย่อยาว
คดี ๔ สำนวนนี้ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่เช่าของโจทก์ ศาลชั้นต้นออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกาภายใน ๓๐ วัน
ในชั้นบังคับคดี จำเลยแถลงว่าบ้านที่ปลูกในที่พิพาทเป็นของจำเลย จำเลยจะรื้อไปเพื่อปฏิบัติตามคำบังคับ แต่โจทก์อ้างว่าบ้านในที่พิพาทเป็นของโจทก์ ไม่ยอมให้จำเลยรื้อถอนไปด้วย จำเลยจึงไม่อาจปฏิบัติตามคำบังคับได้
ศาลชั้นต้นเห็นว่าตราบที่ยังมีการโต้แย้งในเรื่องกรรมสิทธิ์ในสิ่งปลูกสร้างในที่พิพาท คดีก็ยังไม่อาจบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาได้ จึงสั่งให้ยกคำร้องของโจทก์ที่ขอให้จับกุมกักขังจำเลยในการไม่ปฏิบัติตามคำบังคับนั้นเสีย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องของโจทก์ คงให้ศาลชั้นต้นดำเนินการบังคับคดีแก่จำเลยตามคำพิพากษาต่อไป
จำเลยทั้ง ๔ สำนวนฎีกา แต่เฉพาะนางซ่งเตียง จำเลยขอถอนฎีกา
ศาลฎีกาเห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ เพราะศาลฎีกาพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่เช่าของโจทก์ซึ่งเป็นที่ดินที่ให้จำเลยเช่า จำเลยมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาคือจำเลยและบริวารต้องออกไปจากที่ดินซึ่งโจทก์ให้จำเลยเช่า ส่วนบ้านเรือนซึ่งจำเลยโต้เถียงว่าเป็นของจำเลยและประสงค์จะรื้อออกไป ฝ่ายโจทก์ว่าตกเป็นของโจทก์ ไม่ยอมให้จำเลยรื้อไปนั้น ไม่มีประเด็นพิพาทกัน ไม่เกี่ยวกับการที่จะบังคับจำเลยตามคำพิพากษานี้
พิพากษายืน