แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์จำนองที่ดินไว้เป็นประกันเงินกู้ แต่ทำหลักฐานทางทะเบียนเป็นการขายฝากและโจทก์คงครอบครองที่ดินมา ดังนี้ โจทก์ย่อมนำสืบว่าสัญญาขายฝากที่ทำต่อเจ้าพนักงานว่าเป็นนิติกรรมอำพรางการจำนองได้ ไม่เป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสาร อันต้องห้ามตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 94 เพราะถ้าสัญญาขายฝากเป็นนิติกรรมอำพรางนิติกรรม การจำนองก็เป็นโมฆะเสียเปล่าใช้บังคับไม่ได้ (ฎีกา 272/2498 ป.ช.ญ.4/2498)
เมื่อคู่ความยังโต้เถียงข้อเท็จจริงกันว่ามีการทำนิติกรรมอำพรางนิติกรรมที่แท้จริงไว้และยังไม่ได้ความที่จะฟังว่าเป็นไปในทางใด ศาลชั้นต้นก็สั่งงดสืบพะยานเสีย ดังนี้ศาลฎีกามีอำนาจให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่ได้
ย่อยาว
คดี ๒ สำนวนนี้ ศาลพิจารณาพิพากษารวมกันโดยเรียก นายเล็กว่า โจทก์ นายกาญจน์ว่า จำเลย
คดีแรกโจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำนองที่ดินมีโฉนดไว้แก่ภรรยาจำเลยเป็นประกันเงินกู้จำนวน ๒,๐๐๐ บาทแล้วได้กู้เพิ่มอีกรวมทั้งสิ้นเป็นเงิน ๓๖,๕๐๐ บาท แต่หลักฐานทางทะเบียนทำนิติกรรมอำพรางเป็นการขายฝาก ซึ่งโจทก์คงครอบครองที่ดินตลอดมา ต่อมาภรรยาจำเลยวายชนม์ จำเลยผู้รับมฤดกเรียกจำเลยไปทำหนังสือรับรองว่าเช่าที่ดินจากจำเลย จำเลยยังไม่มีเงินไพ่จำนอง จึงยอมเซ็น ดังสำเนาท้ายฟ้องหมาย ก. ความจริงโจทก์หาได้เช่าไม่ ต่อมาโจทก์ขอไถ่จำนอง จำเลยไม่ยอมให้ไถ่ จึงขอให้แสดงว่าการขายฝากเป็นนิติกรรมทำขึ้นเพื่ออำพรางการจำนอง และสั่งเพิกถอนการขายฝาก ให้จำเลยรับไถ่จำนองจากโจทก์
จำเลยให้การและแก้ฟ้องแย้งว่า ความจริงโจทก์ขายฝากที่ดิน ไม่ได้ตกลงจำนอง เงินที่ว่ากู้เพิ่มไม่เกี่ยวกับการขายฝาก ทำสัญญาขายฝากแล้ว โจทก์คงเช่าที่ดินนั้น โจทก์ขอไถ่เมื่อพ้น ๑๐ ปีแล้ว ย่อมหมดสิทธิไถ่คืน ฟ้องโจทก์ก็ขาดอยุความ ขอให้ยกฟ้องขับไล่โจทก์กับบริวาร และรื้อถอนเรือนกับเล้าหมูออกไปจากที่ดิน
คดีหลังจำเลยฟ้องเรียกเงินที่โจทก์อ้างในสำนวนแรกว่ากู้เพิ่ม ๓๕,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยค้างชำระถึงวันฟ้องอีก ๒๐,๑๐๐ บาท
โจทก์ให้การว่าเป็นเงินกู้รายจำนองในคดีแรก
ศาลชั้นต้นชี้สองสถานกะประเด็น ๒ ข้อ คือ ๑.ฟ้องโจกท์ขาดอายุความหรือมไม่ ๒.สัญญาขายฝากเป็นสัญญาอันแท้จริงหรือเป็นการอำพรางสัญญาจำนองคู่ความตกลงให้โจทก์นำสืบก่อน
แต่ก่อนสืบพยาน จำเลยร้องขอให้วินิจฉัยข้อกฎหมายอันจะทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่องตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา ๒๔ ศาลชั้นต้นงดสืบพยาน วินิจฉัยว่าโจทก์ฟ้องโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาจำนอง โจทก์รับว่าสัญญาจำนองไม่ได้ทำเป็นหนังสือจดทะเบียน จึงเป็นโมฆะ ใช้บังคับไม่ได้ ไม่จำต้องวินิจฉัยว่าเป็นนิติกรรมอำพรางหรือไม่ ต้องบังคับตามสัญญาขายฝาก หนี้ที่จำเลยฟ้อง ไม่ใช่หนี้อันเนื่องมาจากการจำนอง พิพากษายกฟ้อง, ขับไล่โจทก์พร้อมด้วยบริวาร และให้รื้อถอนเรือนกับเล้าหมูไปจากที่ดิน กับให้ใช้หนี้เงิน ๓๔,๕๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่จำเลย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์เถียงว่าสัญญาขายฝากเป็นนิติกรรมอำพรางการจำนองที่แท้จริง จำเลยก็ยืนยันว่าตกลงขายฝากกัน จึงได้ทำสัญญาเป็นการขายฝาก หาใช่เป็นนิติกรรมอำพรางการจำนองไม่ ถ้าสัญญาขายฝากที่ทำต่อเจ้าพนักงานเป็นนิติกรรมอำพรางการจำนอง สัญญาขายฝากก็เป็นโมฆะเสียเปล่าใช้บังคับไม่ได้ โจทก์ย่อมมีสิทธินำพยานมาสืบได้ หาใช่เป็นการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารไม่ ศาลสั่งงดสืบพยานทั้งสองฝ่ายไม่++ที่จำเลยฟ้องเรียกเงินกู้ก็เป็นเรื่องเกี่ยวโยงกับคดีแรก สมควรจะได้วินิจฉัยชี้ขาดในคราวเดียวกัน
จึงให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานทั้งสองฝ่ายให้สิ้นกระแสความ แล้วพิพากษาใหม่