คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 503/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยกับพวกร่วมปล้นทรัพย์ที่บ้านแล้วใช้อาวุธปืนจี้บังคับให้ผู้ตายทั้งสามและ พ. เดินลัดทุ่งนาไปทางหลังบ้าน เมื่อห่างบ้าน 1 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงพวกของจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทั้งสามถึงแก่ความตายและ พ.บาดเจ็บ การกระทำของพวกจำเลยมิใช่เป็นการต่อเนื่องกับการปล้นทรัพย์ การปล้นทรัพย์ได้ขาดตอนไปแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรคสอง ไม่ใช่มาตรา 340 วรรคท้าย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340,340 ตรี, 289, 80, 83, 91 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 2, 14, 15 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 21,740 บาทแก่เจ้าของ นับโทษต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 37/2528 ของศาลชั้นต้น จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรคท้าย, 340 ตรี ให้ประหารชีวิต ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 21,740 บาท แก่เจ้าของ ข้อหาอื่นให้ยก ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 37/2528 ของศาลชั้นต้นนั้น เนื่องจากคดีดังกล่าวศาลยังมิได้มีคำพิพากษา ให้ยกคำขอ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พยานโจทก์ฟังได้ว่า จำเลยร่วมกับพวกปล้นทรัพย์นายโฮกผู้ตายจริงดังฟ้อง พยานจำเลยไม่อาจหักล้างพยานโจทก์ได้ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลล่างทั้งสองปรับบทลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรคท้ายนั้น เห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความจากคำเบิกความของนายพรผู้เสียหายเพียงว่าคนร้ายปล้นทรัพย์ที่บ้านแล้วใช้อาวุธปืนจี้บังคับให้ผู้ตายทั้งสามและนายพรเดินลัดทุ่งนาไปทางหลังบ้าน เมื่อห่างบ้าน 1 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงคนร้ายก็ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทั้งสามและนายพร เห็นได้ว่าคนร้ายมิได้ยิงผู้ตายทั้งสามและนายพรขณะทำการปล้นทรัพย์ เพิ่งลงมือยิงเมื่ออยู่ห่างไกลจากบ้านที่เกิดเหตุถึง 1 กิโลเมตร และใช้เวลาเดินทางนานถึงครึ่งชั่วโมง เช่นนี้ การกระทำของคนร้ายดังกล่าวมิใช่เป็นการต่อเนื่องกับการปล้นทรัพย์ การปล้นทรัพย์ได้ขาดตอนไปแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง ซึ่งกำหนดโทษแก่ผู้กระทำความผิดไว้เบากว่า จึงเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา340 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 340 ตรี ให้ลงโทษจำคุก 30 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share