คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 503/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้โจทก์จะได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถที่เช่าซื้อเพราะได้ผ่อนชำระค่าเช่าซื้อให้จำเลยครบถ้วนแล้วก็ตามแต่เมื่อสัญญาเช่าซื้อกำหนดให้จำเลยจัดการโอนทะเบียนรถให้แก่โจทก์ด้วยการที่จำเลยไม่ได้ดำเนินการดังกล่าวจำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้เช่าซื้อรถยนต์จากจำเลย โจทก์ได้ชำระเงินให้จำเลยครบถ้วนแล้ว แต่จำเลยไม่โอนทะเบียนให้ ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยโอนทะเบียนรถแก่โจทก์ หากไม่สามารถทำได้ ให้จำเลยใช้ราคาให้โจทก์เป็นเงิน 120,000 บาท และรับรถยนต์คืนไปจากโจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยโอนทะเบียนให้โจทก์ไม่ได้เนื่องจากมีผู้อายัด เพราะมีชื่อผู้อื่นในทะเบียนฉบับของเจ้าพนักงาน 3 ชื่อจึงไม่ใช่ความผิดของจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยจัดการโอนทะเบียนรถให้โจทก์หากจัดการโอนไม่ได้ให้จำเลยใช้เงิน 80,000 บาทแก่โจทก์ และให้จำเลยรับรถยนต์คืนจากโจทก์ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาใจความว่า จำเลยไม่เคยโอนรถพิพาทให้แก่ผู้ใดและรถพิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์แล้วการที่จำ่เลยไม่สามารถโอนทะเบียนรถพิพาทให้แก่โจทก์ได้นั้นไม่ได้ทำให้โจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถพิพาท เมื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถพิพาทแล้ว โจทก์จึงมีสิทธิที่จะเรียกร้องเอาทรัพย์สินคืนหรือเพิกถอนการอายัดของบุคคลภายนอกได้ จำเลยจึงไม่ใช่เป็นผู้ผิดสัญญา นั้น เห็นว่าตามสัญญาเช่าซื้อข้อ 8 ได้กำหนดให้จำเลยจัดการโอนทะเบียนรถพิพาทให้แก่โจทก์ เมื่อโจทก์ชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้ว ดังนั้นเหตุผลตามฎีกาของจำเลยจึงไม่อาจเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดในสัญญาดังกล่าวให้เป็นอื่นได้ เมื่อจำเลยไม่ได้โอนทะเบียนรถพิพาทให้แก่โจทก์ จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา
พิพากษายืน.

Share