แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่โจทก์ไม่นำใบเสร็จรับเงินการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไปแสดงต่อเจ้าพนักงานประเมินตามหมายเรียก และไม่ไปพบเจ้าพนักงานประเมินตามหนังสือเชิญพบหลายครั้ง ถือได้ว่าโจทก์ไม่ปฏิบัติตามหมายหรือคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมินที่ให้นำใบเสร็จรับเงินการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอันเป็นพยานหลักฐานอันควรแก่เรื่องมาแสดงตาม ป. รัษฎากร มาตรา 23 เนื่องจากใบเสร็จรับเงินการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสามารถแสดงให้เห็นได้ว่า โจทก์ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแบบใดและยื่นถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพราะใบเสร็จรับเงินจะระบุวัน เดือน ปี ที่ยื่นแบบแสดงรายการ รวมทั้งประเภทของแบบแสดงรายการที่ยื่น หากในใบเสร็จรับเงินระบุว่า ภ.ง.ด. 91 ก็แสดงว่าโจทก์มิได้นำเงินได้ที่ได้จากการขายที่ดินที่ได้มาโดยมุ่งในทางการค้าหรือหากำไร มารวมคำนวณกับเงินได้อื่น ส่วนเอกสารที่บริษัท ท. กับบริษัท ร. ซึ่งโจทก์เป็นเจ้าของส่งให้แก่เจ้าพนักงานประเมินก็เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่าง ว. คนขับรถยนต์ของโจทก์กับบริษัทดังกล่าว มิใช่หลักฐานการซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างโจทก์กับ ว. นอกจากนี้หากใบเสร็จรับเงินการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของโจทก์ในปีพิพาทสูญหาย โจทก์ควรให้ถ้อยคำต่อเจ้าพนักงานประเมินเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบไต่สวนของทางราชการ แต่โจทก์มิได้ให้ถ้อยคำอันเป็นประโยชน์ในการตรวจสอบไต่สวนของทางราชการแต่อย่างใด ดังนั้น การที่เจ้าพนักงานประเมินประเมินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาโจทก์โดยอาศัยอำนาจตาม ป. รัษฎากร มาตรา 25 นั้น ชอบแล้ว ซึ่งเป็นผลให้โจทก์ไม่สามารถอุทธรณ์การประเมินได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ที่สั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาใหม่แล้ว พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ที่สั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์จำเลยทั้งสองมีว่า คำสั่งของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ที่สั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า กรณีที่ห้ามมิให้อุทธรณ์การประเมินของเจ้าพนักงานตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 25 แห่งประมวลรัษฎากร ต้องเป็นกรณีที่ผู้ได้รับหมายหรือคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมินไม่ปฏิบัติตามหมายหรือคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมินตามมาตรา 23 หรือไม่ยอมตอบคำถามเมื่อซักถามโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินเงินภาษีอากรตามที่รู้เห็นว่าถูกต้องและแจ้งจำนวนภาษีอากรไปยังผู้ต้องเสียภาษีอากร เจ้าพนักงานประเมินมีความประสงค์จะทำการตรวจสอบการเสียภาษีอากรของโจทก์สำหรับปีภาษี 2533 โดยให้โจทก์นำบัตรประจำตัวประชาชน บัตรประจำตัวผู้เสียภาษี สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาใบสำคัญแสดงการสมรส ใบเสร็จรับเงินค่าภาษีอากรสำหรับปีภาษี 2533 ไปส่งมอบให้เจ้าพนักงานประเมินเพื่อทำการตรวจสอบ เมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติตามหมายหรือคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมินที่ให้นำใบเสร็จรับเงินการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปีภาษี 2533 อันเป็นพยานหลักฐานอันควรแก่เรื่องมาแสดงตามประมวลรัษฎากรมาตรา 23 เนื่องจากใบเสร็จรับเงินการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสามารถแสดงให้เห็นได้ว่าโจทก์ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแบบใดและยื่นถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพราะใบเสร็จรับเงินจะระบุวัน เดือน ปี ที่ยื่นแบบแสดงรายการรวมทั้งประเภทของแบบแสดงรายการที่ยื่น หากใบเสร็จรับเงินระบุว่า ภ.ง.ด. 91 ก็แสดงว่าโจทก์มิได้นำเงินได้ที่ได้จากการขายที่ดินที่ได้มาโดยมุ่งในทางการค้าหรือหากำไรมารวมคำนวณกับเงินได้อื่น ส่วนเอกสารที่บริษัทไทยฟิล์มอินดัสตรี จำกัด กับบริษัททริเวอร์ไซด์ทาวเวอร์ จำกัด ซึ่งโจทก์เป็นเจ้าของบริษัททั้งสองส่งให้แก่เจ้าพนักงานประเมินนั้นก็เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างนายวิเชียรคนขับรถยนต์ของโจทก์กับบริษัทริเวอร์ไซด์ทาวเวอร์ จำกัด มิใช่หลักฐานการซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างโจทก์กับนายวิเชียร นอกจากนี้หากใบเสร็จรับเงินการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของโจทก์ในปีภาษี 2533 สูญหาย โจทก์ก็ควรให้ถ้อยคำต่อเจ้าพนักงานประเมินเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบไต่สวนของทางราชการ แต่ปรากฏตามคำให้การของโจทก์ ทั้งสองครั้งโจทก์ก็มิได้ให้ถ้อยคำอันเป็นประโยชน์ในการตรวจสอบไต่สวนแต่อย่างใด ดังนั้นการที่เจ้าพนักงานประเมินประเมินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาโจทก์โดยอาศัยอำนาจตามประมวลรัษฎากร มาตรา 25 นั้นชอบแล้ว ซึ่งเป็นผลให้โจทก์ไม่สามารถอุทธรณ์การประเมินได้ ที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษามานั้น ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองฟังขึ้น
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทุกชั้นศาลให้เป็นพับ.