คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1428/2548

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยได้รับฝากอาวุธปืน เหล็กพานท้ายปืน และด้ามปืนของกลางไว้จาก ภ. เพื่อทำความสะอาด การที่จำเลยครอบครองอาวุธปืนของกลางในลักษณะเช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยยึดถืออาวุธปืนไว้แทน ภ. เท่านั้น ไม่ได้มีเจตนายึดถือ เพื่อตน จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยมีอาวุธปืนของกลางไว้ในครอบครอง ตามความหมายแห่ง พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ มาตรา 4 (6)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 4, 6, 55, 78 ป.อ. มาตรา 32, 33 ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ. อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 55, 78 วรรคหนึ่ง จำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตาม ป.อ. มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 4 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง แต่ของกลางให้ริบ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจนำหมายค้นเข้าตรวจค้นบ้านเกิดเหตุ และจับกุมจำเลยได้พร้อมด้วยอาวุธปืน เหล็กพานท้ายปืน และด้ามปืนของกลาง คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีเจ้าพนักงานตำรวจผู้ร่วมจับกุมจำเลยเป็นพยานเบิกความว่า ก่อนจับกุมเจ้าพนักงานตำรวจสืบสวนทราบว่า บ้านไม่มีเลขที่ หมู่ที่ 2 ตำบลธงชัย อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี มีผู้นำอาวุธปืนสงครามมาซุกซ่อนไว้ แต่เจ้าพนักงานตำรวจก็ไม่ทราบว่าผู้นำ อาวุธปืนมาซ่อนเป็นใคร และบ้านเกิดเหตุเป็นบ้านของใคร ทางนำสืบของโจทก์คงได้ความแต่เพียงว่า ขณะเข้าตรวจค้นจับกุมจำเลยนั่งทำความสะอาดอาวุธปืนของกลางอยู่บริเวณหน้าบ้านซึ่งเป็นบริเวณที่เปิดเผย จำเลยก็ให้การต่อสู้คดีมาตั้งแต่ขณะเจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับกุมจนถึงชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาว่า อาวุธปืนของกลางเป็นของ นายภุมรินทร์ นำมาให้จำเลยล้างทำความสะอาด การตรวจค้นบ้านเกิดเหตุไม่พบสิ่งผิดกฎหมายอื่นใดอีกและในวันเดียวกันนั้น เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมนายภุมรินทร์ได้พร้อมซองกระสุนปืนคาร์ไบน์ กับเครื่องกระสุนปืนคาร์ไบน์จำนวน 5 นัด ดังที่นายภุมรินทร์ถูกฟ้องต่อศาลซึ่งพนักงานสอบสวนก็รับในข้อนี้ ส่วนพยานโจทก์เบิกความว่า ได้มีการตรวจค้นและจับกุมนายภุมรินทร์ โดยเฉพาะของกลางที่ยึดได้จากนายภุมรินทร์เป็นอุปกรณ์ที่สามารถใช้ได้กับอาวุธปืนของกลางที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดได้จากจำเลย โดยอาวุธปืนของกลางที่ยึดได้จากจำเลยไม่มีซองกระสุนปืนและเครื่องกระสุนปืนอยู่ด้วย พฤติการณ์แห่งคดีเชื่อว่าจำเลยได้รับฝากอาวุธปืน เหล็กพานท้ายปืน และด้ามปืนของกลางไว้จากนายภุมรินทร์เพื่อทำความสะอาด การที่จำเลยครอบครองอาวุธปืนของกลางในลักษณะเช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยยึดถืออาวุธปืนไว้แทนนายภุมรินทร์เท่านั้นไม่ได้มีเจตนายึดถือเพื่อตน ไม่พอที่จะฟังว่าจำเลยมีอาวุธปืนของกลางไว้ในครอบครอง ตามความหมายแห่ง พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ มาตรา 4 (6) ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share