คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 502/2523

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เมื่อโจทก์ได้มอบหมายให้ผู้ใดเป็นตัวแทนโจทก์ในการดำเนินคดีอาญาแล้ว ผู้นั้นมีฐานะเป็นคู่ความในคดีในนามของโจทก์ย่อมมีอำนาจตามกฎหมายที่จะลงชื่อเป็นโจทก์ในฟ้อง เรียงหรือแต่งคำฟ้อง และลงลายมือชื่อเป็นผู้เรียงฟ้องได้ หาเป็นการขัดต่อ พระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2508 มาตรา 36 ไม่
ผู้รับมอบอำนาจให้ฟ้องคดีแทนโจทก์ลงชื่อเป็นผู้เรียงมาในฟ้องฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(7) จะยกฟ้องโจทก์เพราะเหตุนี้หาได้ไม่

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าผู้รับมอบอำนาจเรียงฟ้องได้ พิพากษาลงโทษจำเลยศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าผู้รับมอบอำนาจไม่ได้เป็นทนายความไม่มีอำนาจเรียงฟ้องแทนโจทก์ การที่ลงชื่อเป็นผู้ร้องฟ้อง ถือได้ว่าคำฟ้องของโจทก์ไม่มีลายมือชื่อผู้เรียงฟ้อง พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ปรากฏในหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีซึ่งโจทก์ยื่นมาท้ายฟ้องว่า โจทก์มอบอำนาจให้นายสุรยุทธ โคตระวีระ ฟ้องจำเลยทั้งสี่เป็นคดีอาญาต่อศาลจังหวัดนครราชสีมา เรื่องก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดทำให้เสียทรัพย์ ให้รวมถึงการดำเนินกระบวนพิจารณาอื่น ๆ ทั้งในศาลและนอกศาล ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ฯลฯ เห็นได้ว่าโจทก์ได้มอบหมายให้นายสุรยุทธเป็นตัวแทนของโจทก์ในการดำเนินคดีนี้เองแก่จำเลยทั้งสี่ นายสุรยุทธจึงมีฐานะเป็นคู่ความในคดีนี้ในนามของโจทก์ ย่อมมีอำนาจตามกฎหมายที่จะลงชื่อเป็นโจทก์ในฟ้องเรียงหรือแต่งคำฟ้องและลงลายมือชื่อเป็นผู้เรียงฟ้องได้ หาเป็นการขัดต่อพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2508มาตรา 36 ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่ เมื่อนายสุรยุทธผู้รับมอบอำนาจให้ฟ้องคดีแทนโจทก์ ลงชื่อเป็นผู้เรียงฟ้องมาในฟ้องแล้ว ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(7)จะยกฟ้องโจทก์เพราะเหตุนี้หาได้ไม่ คดีจำต้องวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นข้ออื่น ๆตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ต่อไป ซึ่งศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยชี้ขาดมา

พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยประเด็นข้ออื่น ๆ ตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี”

Share