คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 502/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำที่ผู้ถูกยิงร้องบอกกล่าวขึ้นทันทีไม่มีเวลาคิดตรองรับฟังเป็นพยานได้
คำที่ผู้ถูกยิงบอกแก่มารดาอีก 3-4 คำเป็นการยืนยันว่าที่ร้องบอกกล่าวนั้น ไม่ใช่การสงสัย
คำที่ผู้ถูกยิงบอกกำนัน โดยรู้ตัวว่าใกล้จะตายว่าจำเลยยิงรับฟังประกอบได้
จำเลยรับสารภาพชั้นสอบสวนโดยบริสุทธิ์ใจ ประกอบกับคำบอกกล่าวของผู้ถูกยิงข้างต้นฟังลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2499 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยบังอาจใช้อาวุธปืนหมายเลข 1 ช.ม./1099 ยิงนายคำดวง กันทรัตน์ ถูกที่ลำตัว1 นัด มีบาดแผลรวม 7 แผล ถึงอาการสาหัสทุพพลภาพโดยจำเลยเจตนาฆ่าโดยความพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมายนายคำดวงถึงแก่ความตายในขณะนั้น เพราะบาดแผลที่จำเลยยิงปรากฏบาดแผลตามรายงานชันสูตรพลิกศพผู้ตาย นอกจากนี้ จำเลยบังอาจมีปืนแก๊ปเดี่ยว 1 กระบอกไว้ในครอบครอง โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน เหตุเกิดที่ตำบลทุ่งปี้ อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 250, 71 และพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 4, 7, 72 ขอให้ริบปืนของกลาง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ทางพิจารณาได้ความตามคำพยานโจทก์ว่า คืนเกิดเหตุ เวลาพลบค่ำจุดตะเกียงแล้ว นางดี นางดวง นายบุญ มานั่งแกะถั่วอยู่ใต้ถุนเรือน นายคำดวงออกไปซื้อถ่านไฟฉายนอกบ้าน ครู่หนึ่งกลับมาแล้วขึ้นไปบนเรือน ต่อมาประมาณ 5 นาที มีเสียงปืนดัง 1 นัด นัดทางบันไดเรือนแล้วมีเสียงคนวิ่งไปจากบันไดเรือนนางดี นายบุญมาวิ่งขึ้นไปบนเรือนเห็นนายคำดวง นอนหงายที่ระเบียงเรือนร้องว่า”แม่ น้อยใจ๋ยิง” พอนายคำดวง เห็นนางดีก็ร้องบอกอีกว่า “แม่จำไว้เน้อ น้อยใจ๋ยิงแม่จำไว้เน้อ” ระหว่างที่นางดีไปตามผู้ใหญ่บ้านนายคำดวงก็พูดย้ำกับนายบุญมาอีกว่า “น้อยใจ๋ยิง” พอนายปันกำนันไปถึงนายคำดวงก็บอกว่า “น้อยใจ๋ยิงผม” แล้วนายคำดวงก็ขาดใจตาย รุ่งขึ้นเจ้าพนักงานตำรวจก็จับจำเลยได้ นอกจากนี้ จำเลยให้การรับสารภาพต่อพนักงานสอบสวน

จำเลยนำสืบว่า คืนเกิดเหตุ จำเลยอยู่ที่บ้านนางยวง ภรรยาน้อยตลอดคืนห่างที่เกิดเหตุประมาณ 4 กิโลเมตรเศษ รุ่งขึ้นก็ถูกตำรวจจับที่บ้านนายทาผู้ใหญ่บ้าน

ศาลล่างทั้งสองพิจารณาฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่า จำเลยได้ใช้ปืนยิงนายคำดวงถึงแก่ความตาย ดังข้อหา แต่จะฟังว่าจำเลยยิงผู้ตายโดยพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมายไม่ถนัด พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 ให้จำคุกจำเลยมีกำหนด 16 ปี ลดโทษให้จำเลย 4 ปี ตามมาตรา 59 เพราะคำให้การจำเลยชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา คงจำคุกจำเลยไว้ 12 ปีปืนของกลางริบ ส่วนข้อหาว่า จำเลยมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นพนักงานสอบสวนมิได้แจ้งข้อหาให้จำเลยทราบจึงต้องถือว่า ยังไม่มีการสอบสวนในความผิดข้อนี้ โจทก์ฟ้องจำเลยไม่ได้ให้ยกฟ้อง

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาคดีแล้ว ทางพิจารณาคงได้ความตามคำพยานโจทก์ดังกล่าวข้างต้น แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานว่า ได้เห็นจำเลยยิงนายคำดวงผู้ตายก็ดี แต่ปรากฏว่าเมื่อเสียงปืนดังบนเรือน 1 นัด และก่อนที่นางดี นายบุญมาจะขึ้นไปบนเรือน พยานโจทก์ทั้งสองคนนี้ได้ยินนายคำดวงได้ร้องขึ้นทันทีว่า”แม่ ๆ น้อยใจ๋ยิงฮา” ซึ่งหมายความว่าจำเลยนี้ยิงนายคำดวงครั้นเมื่อนางดี นางบุญมาขึ้นไปบนเรือนแล้ว นายคำดวงยังร้องบอกนางดีอีกว่า “แม่จำไว้เน้อ น้อยใจ๋ยิง แม่จำไว้เน้อ” นายคำดวงพูดดังนี้อยู่ 3-4 ครั้ง ครั้งเมื่อกำนันปันไปถึง นายคำดวงก็ยังบอกกำนันอีกว่า “น้อยใจ๋ ยิงผม” แล้วนายคำดวงก็ขาดใจตาย อันถ้อยคำของผู้ถูกกระทำร้ายได้ร้องบอกกล่าวขึ้นในทันทีทันใดโดยไม่มีเวลายั้งคิดตรึกตรอง ย่อมรับฟังเป็นพยานได้ และถ้อยคำที่นายคำดวงบอกแก่นางดีมารดาว่าจำเลยยิงถึง 3-4 ครั้ง ก็เป็นการยืนยันอยู่ หาใช่เป็นการสงสัยแต่ประการใดไม่ และถ้อยคำที่นายคำดวงบอกแก่ นายปันกำนัน โดยรู้ตัวในเวลาใกล้จะตายว่าจำเลยยิงนายคำดวงนั้นย่อมรับฟังเป็นพยานประกอบได้เช่นกัน นอกจากนี้ จำเลยยังให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนโดยละเอียดพิศดาร และจำเลยแสดงท่าต่าง ๆ ให้เจ้าพนักงานถ่ายรูปประกอบคำสารภาพในท่าตอนยิงขณะที่ผู้ตายกำลังหวีผมส่องกระจกแต่งตัวจะไปแอ่วสาว ตลอดจนให้นายใจ๋ลูกจ้างนำเจ้าพนักงานไปขุดปืนของกลางที่นำไปฝังไว้ที่นานายสม คำรับสารภาพของจำเลยก็ไม่ปรากฏว่าถูกขู่เข็ญหรือหลอกลวงแต่ประการใด นายบุญศรีกำนันที่เป็นผู้แนะนำจำเลยก็เป็นญาติทางภรรยาจำเลย คำรับสารภาพของจำเลยจึงเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ

ที่จำเลยฎีกาคัดค้านว่าคนชื่อใจ๋ในตำบลนั้นมีอยู่หลายคนที่ผู้ตายระบุชื่อ ใจ๋ นั้นอาจไม่ใช่จำเลยนี้ก็ได้ เห็นว่านายบุญมาได้บอกนายปันกำนัลว่า “ใจ๋เอม” จึงรู้ว่าเป็นจำเลย เพราะคนทั่วไปเรียกจำเลยว่า ใจ๋เอม คดีโจทก์จึงฟังได้ว่า จำเลยได้ยิงนายคำดวงตายจริงดังโจทก์หาพยานฐานที่อยู่ของจำเลยไม่พอฟังหักล้างพยานโจทก์ได้

ส่วนข้อสาเหตุที่จำเลยยิงผู้ตายนั้นได้ความว่า ก่อนเกิดเหตุ 7 วัน จำเลยได้ชกต่อยกับนายคำดวงในงานขึ้นบ้านใหม่นายดี จำเลยเป็นคนมีเงิน และมีอิทธิพลในตำบลนั้น เมื่อถูกผู้ตายซึ่งเป็นเด็กกว่ามากมาชกต่อยจำเลย ๆ ย่อมได้รับความอับอายอยู่มา จึงคุมแค้นคิดฆ่าผู้ตาย

จึงพร้อมกันพิพากษายืน ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น ให้ยกเสีย

Share