คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 501/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้ คำให้การของ ประจักษ์พยาน ชั้นสอบสวนจะเป็นเพียง พยานบอกเล่า แต่พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนทันทีในคืนเกิดเหตุพยานยังไม่น่าจะทันมีโอกาสไตร่ตรองเพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริงไปเป็นอย่างอื่นต่อมาได้สอบสวนเพิ่มเติมหลังจากนั้นอีกสามเดือนเศษพยานก็ให้การยืนยันว่าจำเลยเป็นคนร้ายทั้งเหตุที่เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยได้ก็เพราะประจักษ์พยานชี้ตัวยืนยันว่าเป็นคนร้ายคำเบิกความของประจักษ์พยานในชั้นศาลที่ไม่ยืนยันว่าจำเลยเป็นคนร้ายจึงเป็นทำนองช่วยเหลือจำเลยเมื่อได้ความว่าก่อนเกิดเหตุ3ถึง4วันญาติของผู้ตายมีเรื่องกับจำเลยย่อมเป็นสาเหตุที่ทำให้จำเลยไม่พอใจผู้ตายพยานหลักฐานโจทก์ประกอบเข้าด้วยกันฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยเป็นคนร้ายฆ่าผู้ตายจริง

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า เมื่อ วันที่ 6 เมษายน 2535 เวลา กลางคืน หลัง เที่ยงจำเลย มี อาวุธปืน สั้น 1 กระบอก กระสุนปืน 3 นัด ไว้ ใน ครอบครอง โดยไม่ได้ รับ อนุญาต และ พา อาวุธปืน กระสุนปืน ดังกล่าว ติดตัว ไป ใน เมืองหมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดย ไม่ได้ รับ อนุญาต และ โดย ไม่มี เหตุอันสมควรแล้ว จำเลย ใช้ อาวุธปืน ดังกล่าว ยิง นาย สุรินทร์ หรือสั้น เงินทรัพย์ จน ถึงแก่ความตาย โดย เจตนา เหตุ เกิด ที่ แขวง บางไผ่ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ขอให้ ลงโทษ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 371,376, 91 พระราชบัญญัติ อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และ สิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ ,72, 72 ทวิ
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษา ว่า จำเลย มี ความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 371 เรียง กระทง ลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ลงโทษ ตาม มาตรา 288 จำคุก 20 ปี ลงโทษตาม มาตรา 371 ปรับ 100 บาท รวม จำคุก 20 ปี และ ปรับ 100 บาทหาก ไม่ชำระ ค่าปรับ ให้ บังคับ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30คำขอ อื่น ให้ยก
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “ศาลฎีกา ตรวจ สำนวน ประชุม ปรึกษา แล้วทางพิจารณา โจทก์ นำสืบ ว่า เมื่อ วันที่ 6 เมษายน 2535 เวลา ประมาณ20 นาฬิกา ขณะที่ นาย สุรินทร์หรือสั้น เงินทรัพย์ ผู้ตาย กับ นาย คำรณ เชื้อสุวรรณ นั่ง ดื่ม สุรา กัน ที่ โต๊ะ หน้า ร้าน นาย ระเหิร เชื้อสุวรรณ พี่ชาย นาย คำรณ โดย มี เด็ก หญิง รวีวรรณ เชื้อสุวรรณ นั่ง คุย อยู่ ด้วย มี คนร้าย เดิน มาจาก ซอย ข้าง ร้าน นาย ระเหิร มา ที่ ผู้ตาย แล้ว ใช้ อาวุธปืน ยิง ผู้ตาย 3 นัด จาก นั้น คนร้าย หลบหนี ไปนาย คำรณ นำ ผู้ตาย ส่ง โรงพยาบาล ปรากฏว่า ผู้ตาย ถึงแก่ความตาย แล้ว ร้อยตำรวจเอก วีระพันธ์ เทวรักษ์พิทักษ์ ทราบ เหตุ แล้ว ได้ ไป ที่เกิดเหตุ พบ นาย คำรณ แจ้ง ว่า จำ หน้า คนร้าย ได้ เป็น คน ขาย เกี๊ยวและ พา ไป จับ ตัว จำเลย ได้ ชั้น จับกุม นาย คำรณ ได้ ชี้ ตัว ยืนยัน ว่า จำเลย เป็น คนร้าย
จำเลย นำสืบ อ้าง ฐาน ที่อยู่
พิเคราะห์ แล้ว ข้อเท็จจริง ฟังได้ เป็น ยุติ ว่า ใน วัน เวลา และสถานที่เกิดเหตุ ตาม ฟ้อง ผู้ตาย ถูก คนร้าย ใช้ อาวุธปืน ยิง ถึงแก่ความตายปัญหา ต้อง วินิจฉัย ใน ชั้น นี้ มี ว่า จำเลย เป็น คนร้าย ฆ่า ผู้ตาย หรือไม่โจทก์ มี นาย คำรณ เชื้อสุวรรณ เป็น ประจักษ์พยาน เบิกความ ว่า ระหว่าง เกิดเหตุ พยาน กำลัง นั่ง ดื่ม สุรา อยู่ กับ ผู้ตาย มี ชาย คนหนึ่งซึ่ง ไม่เคย เห็น หน้า มา ก่อน เดิน เข้า มา หา พอ มา อยู่ ห่าง ประมาณ 1.50 เมตรชาย คน นั้น ได้ ชัก อาวุธปืน สั้น ออก มา ยิง ผู้ตาย รวม 3 นัด แล้ว หลบหนี ไปและ ได้ แจ้ง แก่ เจ้าพนักงาน ตำรวจ ผู้ จับ ว่า จำเลย คล้าย ๆ คน ที่ ยิงผู้ตาย แต่ เจ้าพนักงาน ตำรวจ ให้ บอก ว่า ใช้ หรือไม่ ใช่ จึง ได้ บอก ว่า ใช่ซึ่ง แตกต่าง กับ คำให้การ ของ พยาน ใน ชั้นสอบสวน ตาม เอกสาร หมาย จ. 1โดย พยาน ให้การ ว่า จำเลย เป็น คนร้าย ใช้ อาวุธปืน ยิง ผู้ตาย เห็นว่าตาม คำให้การ ดังกล่าว พยาน เคย เห็น หน้า จำเลย มา ก่อน เกิดเหตุ หลาย ครั้งเพราะ จำเลย ขาย บะหมี่เกี๊ยวแบบ รถสามล้อ ถีบ ตรง ที่เกิดเหตุ มี แสง สว่างจาก หลอด ไฟฟ้า ที่ ติด อยู่ หลาย ดวง สามารถ มองเห็น ได้ ชัดเจน ใน ระยะ30 เมตร ขณะ เกิดเหตุ พยาน ยัง ไม่มี อาการ มึนเมา และ จำเลย เข้า มายิง ผู้ตาย อยู่ ห่าง เพียง 3 ถึง 4 เมตร เช้า วันรุ่งขึ้น ของ คืน เกิดเหตุพยาน ได้ ชี้ ตัว จำเลย ว่า เป็น คน ยิง ผู้ตาย ยืนยัน ให้ เจ้าพนักงาน ตำรวจทำการ จับกุม ดังนี้ แม้ คำให้การ พยาน ชั้นสอบสวน จะ เป็น เพียง พยานบอกเล่าและ ใน ชั้น ศาล พยาน เบิกความ บ่ายเบี่ยง เป็น ทำนอง ช่วยเหลือ จำเลยแต่ คำให้การ ชั้นสอบสวน ดังกล่าว พนักงานสอบสวน ได้ ทำการ สอบสวน ทันทีใน คืน เกิดเหตุ และ สอบสวน เพิ่มเติม ใน วันรุ่งขึ้น จาก วันเกิดเหตุพยาน ยัง ไม่ น่า จะ ทัน มี โอกาส ไตร่ตรอง เพื่อ บิดเบือน ข้อเท็จจริงไป เป็น อย่างอื่น ต่อมา ได้ สอบสวน เพิ่มเติม หลังจาก นั้น อีก สาม เดือน เศษพยาน ก็ ให้การ ยืนยัน ว่า จำเลย เป็น คนร้าย ทั้ง ยัง ได้ความ จาก คำเบิกความของ ร้อยตำรวจเอก วีระพันธ์ เทวรักษ์พิทักษ์ ผู้จับกุม จำเลย ว่า ใน คืน เกิดเหตุ ได้ ไป ยัง ที่เกิดเหตุ พบ กับ ประจักษ์พยาน ซึ่ง แจ้ง ว่าจำ คนร้าย ได้ เพราะ เป็น คน ขาย เกี๊ยวที่ ประจักษ์พยาน รับประทานอยู่ เป็น ประจำ พยาน จึง ไป นำ คน ขาย เกี๊ยวใน หมู่บ้าน เศรษฐกิจ ประมาณ20 คน มา ให้ ดู แต่ ประจักษ์พยาน แจ้ง ว่า ทุกคน ไม่ใช่ คนร้าย แล้ว ได้ พาพยาน ไป ที่ บ้าน จำเลย ไป ถึง ไม่พบ จำเลย ทราบ จาก ภริยา จำเลย ว่า จำเลยไป ซื้อ ของ มา ขาย เกี๊ยว เดี๋ยวกลับมา จึง พา กัน รอ อยู่ จน ถึง เวลา6 นาฬิกา จำเลย ลง จาก รถประจำทาง แล้ว เดิน เข้า บ้าน ประจักษ์พยานชี้ ตัว ยืนยัน ว่า เป็น คนร้าย พยาน จึง ได้ เข้า จับกุม จำเลย นำตัว ส่งพนักงานสอบสวน ตาม บันทึก การ จับกุม เอกสาร หมาย จ. 2 ซึ่ง คำเบิกความของ พยาน ดังกล่าว สอดคล้อง กับ คำให้การ ใน ชั้นสอบสวน ของ ประจักษ์พยานเมื่อ ได้ความ ว่า ก่อน เกิดเหตุ 3 ถึง 4 วัน ญาติ ของ ผู้ตาย มี เรื่อง กับจำเลย แล้ว ผู้ตาย ได้ พา ญาติ ไป เพื่อ ไกล่เกลี่ย ตกลง กับ จำเลย ตาม ที่ประจักษ์พยาน เบิกความ และ ที่ ให้การ ไว้ ใน ชั้นสอบสวน จึง ย่อม เป็นสาเหตุ ที่ ทำให้ จำเลย ไม่พอ ใจ ผู้ตาย ดังนี้ พยานหลักฐาน โจทก์ ดัง ได้วินิจฉัย มา เมื่อ ฟัง ประกอบ เข้า ด้วยกัน แล้ว ข้อเท็จจริง ฟังได้ โดยปราศจาก ข้อสงสัย ว่า จำเลย เป็น คนร้าย ฆ่า ผู้ตาย จริง พยานหลักฐานของ จำเลย ไม่มี น้ำหนัก ที่ จะ หักล้าง พยานหลักฐาน ของ โจทก์ ได้ที่ ศาลอุทธรณ์ พิพากษา มา นั้น ศาลฎีกา เห็นพ้อง ด้วย ฎีกา จำเลยฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน

Share