แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างขับรถยนต์คันเกิดเหตุของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ขับรถกลับมาแล้วก็นำรถเข้าตรวจสภาพที่ปั๊มน้ำมันของจำเลยที่ 2 เสร็จแล้วจำเลยที่ 1 ขับรถเปล่าคันนี้จะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านของจำเลยที่ 1 เพื่อจะกลับมานอนและเตรียมตัวจะเดินทางในวันรุ่งขึ้นอีกระหว่างทางขาไปได้ชนรถยนต์ของโจทก์เสียหายดังนี้แม้ตามระเบียบเมื่อคนขับรถนำรถเข้าเก็บแล้ว ก่อนจะถึงเวลารับส่งคนโดยสารคนขับจะนำรถออกจากที่เก็บไม่ได้เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเท่านั้นก็ตาม แต่การควบคุมดูแลหละหลวมมาก และเป็นเช่นนี้ก่อนเกิดเหตุถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ยินยอมให้คนขับนำรถออกไปใช้เมื่อหมดเวลาทำงานแล้วได้ เมื่อคนขับไปทำละเมิดก็ต้องถือว่าได้กระทำในทางการที่จ้าง จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 ในฐานะลูกจ้างและในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ขับรถประมาท ให้จำเลยที่ 1, ที่ 2 ร่วมกันใช้ค่ารถยนต์ของโจทก์ที่เสียหายเนื่องจากการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 95,700 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันทำละเมิดจนกว่าจำเลยที่ 1, ที่ 2จะชำระเสร็จ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “จำเลยที่ 2 ฎีกาอีกว่าเหตุที่เกิดขึ้นมิใช่เนื่องจากจำเลยที่ 1 กระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ข้อนี้ได้ความว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างขับรถยนต์คันเกิดเหตุของจำเลยที่ 2 รับคนโดยสารจากจังหวัดนครสวรรค์ไปส่งจังหวัดสุโขทัย เมื่อส่งคนโดยสารที่จังหวัดสุโขทัยแล้วจำเลยที่ 1 นอนค้างคืนที่นั่นพร้อมกับรถ รุ่งขึ้นรับคนโดยสารจากจังหวัดสุโขทัยมาส่งจังหวัดนครสวรรค์ วันต่อมาก็กลับไปจังหวัดสุโขทัยอีก วนเวียนเช่นนี้โดยจำเลยที่ 2 มอบกุญแจรถยนต์ให้จำเลยที่ 1 ถือไว้เป็นประจำ วันเกิดเหตุเมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถมาถึงจังหวัดนครสวรรค์แล้วก็นำรถเข้าตรวจสภาพที่ปั๊มน้ำมันของจำเลยที่ 2 เสร็จแล้วจำเลยที่ 1 ขับรถเปล่าคันนี้จะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านของจำเลยที่ 1 ซึ่งอยู่ที่อำเภอพยุหะคีรีเพื่อจะกลับมานอนที่อำเภอเมืองนครสวรรค์เตรียมตัวจะเดินทางในวันรุ่งขึ้นอีก ระหว่างทางขาไปจึงเกิดเหตุคดีนี้พิเคราะห์แล้วจำเลยที่ 1 เบิกความเป็นพยานโจทก์ว่า จำเลยที่ 1 และคนขับรถของจำเลยที่ 2 ที่ขับรถคันอื่นก็ปฏิบัติเช่นนี้ โดยจำเลยที่ 2 ทราบดีไม่เคยห้ามปราม จำเลยที่ 2 มีพยานมาเบิกความแต่เพียงว่า ตามระเบียบเมื่อคนขับรถนำรถเข้าเก็บแล้ว ก่อนจะถึงเวลารับส่งคนโดยสารคนขับจะนำรถออกจากที่เก็บไม่ได้เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเท่านั้น แต่ในทางปฏิบัติทั้ง ๆ ที่จำเลยที่ 2 มีพนักงานดูแลการปล่อยรถออกจากที่เก็บเป็นประจำก็ยังไม่ทราบว่าวันเกิดเหตุจำเลยที่ 1นำรถมาเก็บและเอาออกไปอีกเมื่อใด เพิ่งจะทราบเมื่อเกิดเหตุแล้ว แสดงว่าการควบคุมดูแลหละหลวมมาก และเชื่อว่าจำเลยที่ 2 ปล่อยปละละเลยให้เป็นเช่นนี้มาก่อนเกิดเหตุ ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ยินยอมให้คนขับนำรถออกไปใช้เมื่อหมดเวลาทำงานแล้วได้ เมื่อคนขับไปทำละเมิดก็ต้องถือว่าได้กระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2”
พิพากษายืน