คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5001/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

จำเลยทั้งห้ายื่นอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีในชั้นอุทธรณ์ เมื่อเจ้าหน้าที่ของศาลแพ่งกรุงเทพใต้นำหมายนัด สำเนาอุทธรณ์ และสำเนาคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีไปส่งให้โจทก์แต่ส่งไม่ได้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า รอจำเลยทั้งห้าแถลง โดยมิได้กำหนดระยะเวลาให้จำเลยทั้งห้านำส่งสำเนาอุทธรณ์หรือให้จำเลยทั้งห้าแถลงหากส่งไม่ได้ เมื่อกรณีเป็นหมายข้ามเขตซึ่งศาลเป็นผู้ส่งเอง และศาลชั้นต้นมิได้แจ้งผลการส่งหมายให้จำเลยทั้งห้าทราบจำเลยทั้งห้าย่อมไม่มีทางทราบถึงผลการส่งหมายดังกล่าว การที่จำเลยทั้งห้ามิได้ยื่นคำแถลงให้ดำเนินการต่อไป จึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งห้าไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดอันจะเป็นการทิ้งฟ้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 174 (2)

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันชำระเงินจำนวน 24,995,616.44 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับจากวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2540 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยทั้งห้าไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 30871, 31822, 31823, 31824, 34364,34981, 37139, 37140, 37141 และ 38518 ตำบลตะพง อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาด หากขายทอดตลาดได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งห้าออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบกับให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 15,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งห้าอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์
จำเลยทั้งห้าฎีกา
ศาลฎีกาตรวจวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งห้าว่าจำเลยทั้งห้าทิ้งฟ้องอุทธรณ์หรือไม่ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2545 จำเลยทั้งห้ายื่นอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีในชั้นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีว่า “รับคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีของจำเลยทั้งห้าสำเนาให้โจทก์ จะคัดค้านอย่างไรให้แถลงภายในวันที่ 15 วัน นับแต่วันรับสำเนาคำร้องหากไม่แถลงถือว่าไม่ติดใจคัดค้าน ให้จำเลยทั้งห้านำส่งสำเนาให้โจทก์ภายใน 5 วัน หากส่งไม่ได้ให้แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายใน 15 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ หากไม่แถลงถือว่าไม่ติดใจยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดี” และสั่งอุทธรณ์ว่า “จำเลยทั้งห้ายื่นอุทธรณ์ภายในกำหนดระยะเวลาที่ศาลขยายให้ รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งห้า สำเนาให้โจทก์” เนื่องจากโจทก์มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เจ้าหน้าที่ของศาลแพ่งกรุงเทพใต้นำหมายนัด สำเนาอุทธรณ์ และสำเนาคำร้องดังกล่าวไปส่งให้โจทก์เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2545 แต่ส่งไม่ได้ เพราะผู้จัดการของโจทก์ออกไปธุระข้างนอกและไม่มีผู้ใดรับหมายไว้แทน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในรายงานการส่งหมายดังกล่าวเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2545 ว่า รอจำเลยทั้งห้าแถลง ต่อมาวันที่ 10 กันยายน 2545 เจ้าหน้าที่ของศาลชั้นต้นรายงานต่อศาลว่า จำเลยทั้งห้ามิได้ยื่นคำแถลงเข้ามาภายในกำหนด ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้รวบรวมสำนวนส่งศาลอุทธรณ์พิจารณาสั่ง ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ อีกทั้งศาลชั้นต้นก็มิได้มีคำสั่งกำหนดระยะเวลาให้จำเลยทั้งห้านำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์หรือให้จำเลยทั้งห้าแถลงหากส่งไม่ได้ แสดงว่าเป็นหมายข้ามเขตซึ่งศาลเป็นผู้ส่งเอง เมื่อศาลชั้นต้นคือศาลแพ่งมิได้แจ้งผลการส่งหมายให้จำเลยทั้งห้าทราบจำเลยทั้งห้าย่อมไม่มีทางทราบถึงผลการส่งหมายดังกล่าว การที่จำเลยทั้งห้ามิได้ยื่นคำแถลงให้ดำเนินการต่อไป จึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งห้าไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดอันจะเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (2) ที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งห้าฟังขึ้น”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการแจ้งผลการส่งหมายนัด สำเนาอุทธรณ์ และสำเนาคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีในชั้นอุทธรณ์แก่โจทก์ให้จำเลยทั้งห้าทราบแล้วดำเนินการต่อไป

Share