คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2721/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้ามรดกมีที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์มรดกอยู่ 3 แปลง โจทก์จำเลยต่างเป็นทายาทของเจ้ามรดก คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยขอให้กำจัดมิให้จำเลยได้รับมรดกที่ดิน 2 แปลง ศาลพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ขอแบ่งที่ดินมรดกแปลงที่ 3 ครึ่งหนึ่ง แม้ที่ดินที่โจทก์ฟ้องเรียกในคดีนี้จะเป็นที่ดินคนละแปลงกับที่โจทก์ฟ้องในคดีก่อนก็ตาม แต่คดีก็มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยอย่างเดียวกันว่าโจทก์มีสิทธิได้รับที่ดินมรดกหรือไม่ ทั้งโจทก์ทราบว่าที่ดินแปลงนี้มีอยู่แล้วก่อนที่โจทก์จะฟ้องในคดีก่อน ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภรรยาของนายกิม ตั้งเจริญ เจ้ามรดก ส่วนจำเลยเป็นบุตรภรรยาน้องของเจ้ามรดก เมื่อเจ้ามรดกถึงแก่กรรมแล้ว โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันรับที่ดินมรดกโฉนดเลขที่ ๗๗๓๐ ร่วมกันคนละครึ่ง ต่อมาจำเลยฟ้องโจทก์ขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว ศาลพิพากษาถึงที่สุดให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น แต่จำเลยไม่ยอมแบ่งที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยจัดการแบ่งแยกที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง
จำเลยให้การว่า จำเลยผู้เดียวเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาท สัญญาประนีประนอมยอมความที่โจทก์จำเลยตกลงกันให้โจทก์จำเลยได้ที่ดินพิพาทคนละครึ่งนั้น ได้ทำขึ้นในขณะที่จำเลยเป็นผู้เยาว์ เมื่อจำเลยบรรลุนิติภาวะก็ได้ฟ้องขอเพิกถอนและศาลได้พิพากษาให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวแล้ว ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำและคดีโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำและที่โจทก์ฟ้องโดยอาศัยสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นก็ปรากฎว่าสัญญาดังกล่าวศาลได้พิพากษาว่าเป็นโมฆะแล้ว พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า หลังจากเจ้ามรดกถึงแก่กรรมแล้ว จำเลยคดีนี้ฟ้องโจทก์ตามสำนวนคดีแดงที่ ๑๖๓/๒๕๑๔ ขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความที่โจทก์จำเลยทำไว้เกี่ยวกับที่ดินโฉนดที่ ๗๗๓๐ คดีถึงที่สุดโดยสารฎีกาพิพากษาให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น และในขณะที่คดีดังกล่าวอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ได้ฟ้องจำเลยตามสำนวนคดีแดงที่ ๔๐๕๓/๒๕๑๖ ขอให้กำจัดมิให้จำเลยรับมรดกที่ดินโฉนดที่ ๒๖๖๕๔ และ ๒๙๖๒๔ และขอให้โจทก์เป็นผู้รับมรดกแต่ผู้เดียว คดีถึงที่สุดโดยศาลพิพากษายกฟ้อง โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้ก็เพื่อเรียกร้องที่ดินมรดกของนายกิมจากจำเลยแม้เป็นที่ดินคนละแปลงกับที่โจทก์ฟ้องในคดีหมายเลขแดงที่ ๔๐๕๓/๒๕๑๖ แต่คดีก็มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยอย่างเดียวกันว่าโจทก์มีสิทธิได้รับที่ดินมรดกหรือไม่ ทั้งที่ดินโฉนดเลขที่ ๗๗๓๐ ตามฟ้องคดีนี้ โจทก์ทราบว่ามีอยู่แล้วก่อนที่จะฟ้องจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ ๔๐๕๓/๒๕๑๖ เพราะเคยพิพาทกับจำเลยมาแล้วในคดีหมายเลขแดงที่ ๑๖๓๘๒๕๑๔ แต่โจทก์ก็มิได้ฟ้องเรียกที่ดินมรดกโฉนดที่ ๗๗๓๐ เสียในคราวเดียวกับที่ฟ้องในคดีหมายเลขแดงที่ ๔๐๕๓/๒๕๑๖ ฟ้องของโจทก์คดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๘
พิพากษายืน

Share