คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1260/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องให้ขับไล่จากห้องเช่าโดยอ้างว่า ผู้เช่าค้างชำระค่าเช่า และอ้างเหตุว่าโจทก์ต้องการขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่า และได้บอกกล่าวจำเลยเป็นคำรบ 2 อีกครั้งหนึ่งจำเลยก็ไม่ออก ดังนี้ แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความว่าผู้ให้เช่าไม่ยอมรับค่าเช่าเอง แต่เมื่อปรากฏว่าได้บอกเลิกการเช่าล่วงหน้าตามกำหนดแล้ว ศาลก็ยกเหตุหลังขึ้นพิพากษาขับไล่ผู้เช่าได้ ไม่ถือว่าพิพากษานอกฟ้องนอกประเด็น
ประเด็นแห่งคดีอยู่ที่ข้อหาคำให้การ คำฟ้องอุทธรณ์ และแก้อุทธรณ์ คำฟ้องฎีกา และแก้ฎีกา ไม่ใช่อยู่ที่ข้อหาหรือคำฟ้องอย่างเดียว ศาลมีอำนาจพิพากษาตามข้อหาหรือคำแก้ได้ทั้ง 2 สถาน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าโดยอ้างว่าจำเลยค้างชำระค่าเช่า จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ไม่ยอมรับค่าเช่าเองจนจำเลยต้องยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าฯทราบไว้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย ดังนี้แม้จำเลยจะไม่ต่อสู้โดยตรงว่าจำเลยได้รับความคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ แต่ก็ถือได้ว่าจำเลยได้ให้การเกี่ยวถึงพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯในภาวะคับขันอยู่แล้ว กล่าวคือจำเลยได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าฯและว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง อย่างไรก็ดี พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯเป็นกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลจึงมีอำนาจยกพระราชบัญญัติ ขึ้นปรับคดีได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากห้องของโจทก์โดยอ้างว่าจำเลยเช่า แล้วค้างชำระค่าเช่า 18 เดือน โจทก์จึงบอกเลิกการเช่ากับจำเลยแล้ว

จำเลยต่อสู้ว่า ไม่ได้ค้างค่าเช่า โจทก์เองแกล้งไม่รับค่าเช่าจำเลยได้พยายามส่งค่าเช่าให้โจทก์หลายวิถีทาง โจทก์ไม่ยอมรับจนจำเลยต้องยื่นคำร้องต่ออนุกรรมการควบคุมค่าเช่าฯ ทราบไว้

ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยค้างค่าเช่าจริง พิพากษาขับไล่

ศาลอุทธรณ์ฟังว่า โจทก์ไม่ยอมรับค่าเช่า แต่โจทก์ได้บอกเลิกการเช่าแล้ว การเช่าจึงระงับ คงพิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามฟ้องของโจทก์ โจทก์ไม่ได้ฟ้องขับไล่จำเลยเพราะเหตุค้างค่าเช่าอย่างเดียว โจทก์ได้อ้างเหตุว่าต้องการขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่า และได้บอกกล่าวจำเลยเป็นคำรพ 2 อีกครั้งหนึ่งจำเลยก็ไม่ออก ศาลอุทธรณ์ยกเหตุหลังขึ้นพิพากษาขับไล่ ไม่ใช่นอกฟ้องนอกประเด็น

ส่วนฎีกาข้อที่ว่า ศาลจะยกเอาคำแก้อุทธรณ์ขึ้นพิพากษาไม่ได้นั้น เห็นว่าประเด็นแห่งคดีอยู่ที่ข้อหา คำให้การ คำฟ้องอุทธรณ์และแก้อุทธรณ์ คำฟ้องฎีกาและแก้ฎีกา ไม่ใช่อยู่ที่ข้อหาหรือคำฟ้องอย่างเดียว ศาลมีอำนาจพิพากษาตามข้อหาหรือคำแก้ได้ทั้ง 2 สถาน

ส่วนฎีกาข้อที่ว่า ห้องเช่ารายนี้อยู่ในเขตเทศบาลพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ คุ้มครองนั้น เห็นว่าจำเลยได้ให้การเกี่ยวถึงพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯอยู่แล้ว กล่าวคือจำเลยได้ไปยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการควบคุมค่าเช่า และว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยได้ และพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า เป็นกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ซึ่งศาลมีอำนาจยกขึ้นปรับคดีได้ คดีนี้ได้ความว่า ห้องพิพาทใช้เป็นที่อยู่อาศัยภายในเขตเทศบาล อันพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ คุ้มครองถึง เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ไม่รับค่าเช่าเอง จำเลยไม่ได้ผิดนัด ดังนี้เพียงแต่บอกเลิกสัญญาเช่าล่วงหน้าเท่านั้น ไม่ทำให้โจทก์ชนะคดีได้

จึงพิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share