แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ในความผิดฐานพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษปรับจำเลยเป็นเงิน 50 บาท แต่ ป.อ. มาตรา 30 บัญญัติว่า ในการกักขังแทนค่าปรับให้ถืออัตรา 200 บาทต่อหนึ่งวัน ฉะนั้น การบังคับค่าปรับจึงกักขังแทนค่าปรับไม่ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่า ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตาม ป.อ. มาตรา 29, 30 นั้น เป็นการไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้องโดยแก้เป็นว่า “…ปรับ 50 บาท หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตาม ป.อ. มาตรา 29 แต่ประการเดียว…”
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 91, 297, 371 ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 (ที่ถูก 297 (8)), 371 เป็นการกระทำหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส จำคุก 4 ปี ฐานพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร ปรับ 100 บาท รวมจำคุก 4 ปี และปรับ 100 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี และปรับ 50 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…จำเลยใช้อาวุธมีดพับปลายแหลมที่ติดตัวไปแทงบริเวณชายโครงด้านซ้าย ซึ่งเป็นอวัยวะส่วนสำคัญของผู้เสียหาย 1 ครั้ง คมมีดถูกไตได้รับบาดเจ็บ เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส ต้องใช้ระยะเวลารักษาบาดแผลประมาณ 60 วัน ตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้อง พฤติการณ์การกระทำความผิดของจำเลยนับว่าร้ายแรง แม้จำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อนและเสียหายไม่ติดใจเอาความแล้วก็ตาม ไม่เพียงพอที่จะถือเป็นเหตุปรานีเพื่อรอการลงโทษ ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจลงโทษจำคุกจำเลยก่อนลดโทษให้มีกำหนด 4 ปี หนักเกินไป สมควรแก้ไขให้เหมาะสมแก่สภาพความผิด ฎีกาของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน
อนึ่ง ในความผิดฐานพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ ศาลล่างทั้งสองลงโทษปรับจำเลยเป็นเงิน 50 บาท แต่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 30 บัญญัติว่า ในการกักขังแทนค่าปรับให้ถืออัตรา 200 บาท ต่อหนึ่งวัน ฉะนั้น การบังคับค่าปรับจึงกักขังแทนค่าปรับไม่ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่า ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นั้น เป็นการไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง”
พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส จำคุกจำเลย 2 ปี เมื่อรวมกับความผิดฐานพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ เป็นจำคุก 2 ปี ปรับ 100 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 1 ปี ปรับ 50 บาท หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 แต่ประการเดียว นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2