คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5/2495

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่สวนมือเปล่า ไม่มีหนังสือสำคัญนั้น เมื่อทางพิจรณาไม่มีฝ่ายใดนำสืบว่าที่สวนรายนี้เจ้าของได้มิสิทธิในที่ดินตาม ก.ม.ลักษณะเบ็ดเสร็จที่ 42 มาแล้ว ก็ต้องถือว่าเจ้าของมีสิทธิครอบครองมือเปล่าตามธรรมดาเช่นเดียวกับที่นาเท่านั้น (อ้างฎีกาที่ 482/2494)
ยกสวนที่สวนมือเปล่าให้แก่กัน แม้จะทำไม่ถูกแบบตามกฎหมายก็ตาม ก็ยังถือได้ว่าผู้ให้ได้มีเจตนาสละการครอบครองให้เป็นของผู้รีบ เมื่อผู้รับได้เข้าครอบครองที่สวนนั้นตามที่ผู้ให้มีเจตนาสละให้ผู้รับจึงได้สิทธิครอบครองที่สวนนั้น

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องเรียกมรดกของผู้ตายจากจำเลยโดยอ้างว่าเป็นน้องผู้ตาย ส่วนจำเลยไม่ได้เป็นทายาท
จำเลยต่อสู้ว่าเป็นบุตรบุญธรรมของผู้ตาย ทรัพย์บางอย่าง ผู้ตายให้จำเลยก่อนตาย กับฟ้องแย้งเรียกทรัพย์บางอย่างจากโจทก์
ระหว่างพิจารณา มีผู้ร้องสอดเข้ามาขอแบ่งมรดกด้วย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะ ให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย และยกคำร้องสอดเสีย
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องโจทก์ ที่นาที่สวนหมายเลข ๑ – ๒ และข้างเปลือกหมายเลข ๕ เป็นของจำเลย รวมทั้งทรัพย์ที่ฟ้องแย้งเป็นของจำเลย ให้ยกอุทธรณ์ของผู้ร้องสอด
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่นาที่สวนพิพาทนี้ ศาลล่างทั้ง ๒ ฟังว่า ผู้ตายได้ยกให้จำเลยก่อนตาย หลายปีแล้ว จนถึงได้คำสังให้กำนันแก้ทะเบียนใส่ชื่อจำเลยเป็นเจ้าของนาและสวน หากกำนันลืมเสีย จึงยังมิได้แก้ แต่จำเลยคงครอบครองตลอดมา ปรากฎว่าที่นา และสวนพิพาทเป็นที่มือเปล่าไม่มีหนังสือสำคัญและตามทางพิจารณาโจทก์ไม่ได้น่าสืบว่า ที่สวนนี้นายคำได้มีสิทธิมนที่ดินตาม ก.ม.ลักษณะเบ็ดเสร็จบทที่ ๔๒ มาแล้ว จึงต้องถือว่าสิทธิในที่สวนของนายคำเป็นสิทธิครอบครองมือเปล่าตามธรรมดาเช่นเดียวกับนาเท่านั้น (ฎีกาที่ ๘๘๒/๒๔๙๔) แม้การยกให้จะทำไม่ถูกแบบ ก็ยังถือได้ว่านายคำเจตนาสะลการครอบครองแล้ว โดยโอนการครอบครองให้เป็นของจำเลยๆก็ได้เข้าครอบครองตามที่ที่นายคำมีเจตนาสละให้ จำเลยจึงได้สิทธิครอบครองที่นาและสวนพิพาท
ส่วนข้าวเปลือกหมายเลข ๕ คงฟังเป็นของจำเลย ทรัพย์อื่นเป็นมรดกได้แก่โจทก์ จึงพิพากษาว่าทรัพย์หมายเลข ๑-๒-๓ เป็นของจำเลย นอกจากตามบัญชีท้ายฟ้อง เป็นมรดกตกได้แก่โจทก์ ฯลฯ

Share