คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4995/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

การที่โจทก์เป็นนายวงแชร์มีจำเลยและบุคคลอื่นเป็นสมาชิกร่วมเล่นแชร์รวม 20 คน โดยมีทุนกองกลางต่อ 1 งวด รวมกันเป็นมูลค่ามากกว่า 300,000 บาท จึงต้องห้ามตาม พ.ร.บ.การเล่นแชร์ฯ มาตรา 6(3) ประกอบด้วยกฎกระทรวง (พ.ศ.2534) ออกตามความใน พ.ร.บ.การเล่นแชร์ฯ และตาม พ.ร.บ.ดังกล่าวมีเพียงมาตรา 7 เท่านั้น ที่บัญญัติให้สิทธิแก่สมาชิกวงแชร์แต่เพียงฝ่ายเดียวที่จะฟ้องคดีหรือใช้สิทธิเรียกร้องเอากับนายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์กระทำการที่ฝ่าฝืนกฎหมาย โดยมิได้มีบทบัญญัติให้สิทธิแก่นายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์ที่จะฟ้องคดีหรือเรียกร้องเอากับสมาชิกวงแชร์แต่อย่างใด การเป็นนายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์ที่มีการฝ่าฝืนบทกฎหมายดังกล่าวจึงเป็นการกระทำที่มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย ย่อมตกเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 150 แม้เช็คที่จำเลยสั่งจ่ายให้แก่สมาชิกวงแชร์ที่ยังประมูลไม่ได้ถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินและโจทก์ชำระหนี้แทนจำเลยไป โจทก์จะนำมูลหนี้ที่ตกเป็นโมฆะมาฟ้องเรียกร้องเอาเงินคืนจากจำเลยไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามมูลหนี้เช็คจำนวน 842,371.57 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 800,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 842,371.57 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 800,000 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 20 พฤษภาคม 2541) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้เถียงกันในชั้นนี้รับฟังเป็นยุติได้ว่า เมื่อปี 2538 โจทก์กับจำเลยและบุคคลอื่นรวม 20 คน ร่วมกันเล่นแชร์วงเดียวกันโดยโจทก์เป็นนายวงแชร์ เป็นแชร์รายเดือน เดือนละ 200,000 บาท ต่อคน เว้นแต่เดือนแรกที่สมาชิกวงแชร์ทุกคนต้องจ่ายเงินคนละ 300,000 บาท แก่โจทก์ จำเลยประมูลแชร์ได้เมื่อเดือนกันยายน 2538 และจำเลยสั่งจ่ายเช็คเงินสดไม่ลงวันที่ 15 ฉบับจำนวนเงินฉบับละ 200,000 บาท ให้แก่สมาชิกวงแชร์ที่ยังประมูลไม่ได้ ต่อมาเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายดังกล่าวหลายฉบับเรียกเก็บเงินไม่ได้ โจทก์จึงชำระหนี้ให้แก่สมาชิกวงแชร์แทนจำเลยไปและจำเลยสั่งจ่ายเช็คหลายฉบับ ฉบับละ 100,000 บาท ให้แก่โจทก์แทนเช็คเหล่านี้บางฉบับเรียกเก็บเงินได้ แต่บางฉบับเรียกเก็บเงินไม่ได้รวมทั้งเช็คพิพาททั้งแปดฉบับด้วย คดีมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยว่า โจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกเงินตามเช็คพิพาททั้งแปดฉบับจากจำเลยหรือไม่ เห็นว่า การที่โจทก์เป็นนายวงแชร์โดยมีจำเลยและบุคคลอื่นเป็นสมาชิกร่วมแล่นแชร์รวม 20 คน เป็นแชร์รายเดือน เดือนละ 200,000 บาท เช่นนี้ จึงเป็นการเล่นแชร์ที่มีทุนกองกลางต่อ 1 งวด รวมกันเป็นมูลค่ามากกว่า 300,000 บาท ซึ่งต้องห้ามตามพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ.2534 มาตรา 6 (3) ประกอบด้วยกฎกระทรวง (พ.ศ.2534) ออกตามความในพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ.2534 และตามพระราชบัญญัติดังกล่าวคงมีเพียงมาตรา 7 เท่านั้น ที่บัญญัติให้สิทธิแก่สมาชิกวงแชร์เพียงฝ่ายเดียวที่จะฟ้องคดีหรือใช้สิทธิเรียกร้องเอากับนายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์กระทำการที่ฝ่าฝืนมาตรา 6 ได้ โดยมิได้มีบทบัญญัติให้สิทธิแก่นายวงแชร์ที่จะฟ้องคดีหรือเรียกร้องเอากับสมาชิกวงแชร์แต่อย่างใด แสดงว่ากฎหมายไม่ประสงค์ให้นายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์ใช้สิทธิเรียกร้องเอากับสมาชิกวงแชร์ที่กระทำการฝ่าฝืนมาตรา 6 การเป็นนายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์ที่ฝ่าฝืนบทกฎหมายดังกล่าวจึงเป็นการกระทำที่มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย ย่อมตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150 ดังนี้ เมื่อเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายให้แก่สมาชิกวงแชร์ที่ยังประมูลไม่ได้ถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินและโจทก์ชำระหนี้แทนจำเลยไป โจทก์จะนำมูลหนี้ดังกล่าวที่ตกเป็นโมฆะมาฟ้องเรียกร้องเอาคืนจากจำเลยหาได้ไม่ แม้โจกท์จะนำสืบบ่ายเบี่ยงไปในทำนองที่ว่าโจทก์เป็นเจ้าหนี้เงินกู้ยืมของจำเลยก็ตาม ไม่ปรากฏว่ามีหนี้รายอื่นระหว่างโจทก์กับจำเลยอีกนอกจากการเล่นแชร์ดังกล่าว และหนี้ที่เกิดจากนิติกรรมอันเป็นโมฆะเช่นนี้ย่อมเสียเปล่าไปตั้งแต่ต้นจะแปลงหนี้มาเป็นหนี้เงินกู้ยืม หรือหนี้อย่างอื่นที่ชอบด้วยกฎหมายย่อมไม่ได้ เช็คพิพาททั้งแปดฉบับที่จำเลยสั่งจ่ายให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ที่เป็นโมฆะจึงเป็นเช็คที่มีมูลหนี้อันไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินตามเช็คพิพาททั้งแปดฉบับจากจำเลย คำพิพากษาศาลล่างทั้งสองไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

Share