แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 2 ทำงานเป็นลูกจ้างประจำรายเดือน ตำแหน่งช่างเครื่องเรือศุลกากร ประจำด่านศุลกากรคลองใหญ่สังกัดกรมศุลกากรมิใช่ข้าราชการที่รับเงินเดือนในงบประมาณประเภทเงินเดือนตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนแม้จะเป็นพนักงานศุลกากร มีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติศุลกากร ก็หาเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายไม่และทั้งไม่มีกฎหมายบัญญัติให้เป็นเจ้าพนักงานฉะนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานจึงจะถูกลงโทษฐานเป็นตัวการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่ลงโทษบุคคลผู้เป็นเจ้าพนักงานกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการโดยเฉพาะตามที่โจทก์ฟ้องให้ลงโทษไม่ได้คงลงโทษได้ตามบทมาตราดังกล่าวแต่ในฐานะเป็นผู้สนับสนุนเท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญชั้นจัตวาตำแหน่งพลศุลการักษ์ จำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างประจำรายเดือนตำแหน่งช่างเครื่องเรือศุลกากร 76 ประจำด่านศุลกากรคลองใหญ่สังกัดกรมศุลกากร เป็นเจ้าพนักงานตามพระราชบัญญัติศุลกากรมีอำนาจหน้าที่ภายในเขตท้องที่จังหวัดตราด ในวันเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง ภายหลังที่จำเลยทั้งสองได้จับกุมตัวนายบังเอิญ เข็มทองเจ้าของเรือยนต์ ในข้อหาใช้เรือประมงทำการค้าขายชายฝั่งโดยไม่ได้จดทะเบียน เป็นเรือค้าขายชายฝั่งและใช้เรือยนต์โดยมิได้จดทะเบียนต่อกรมเจ้าท่า พร้อมทั้งอายัดเรือกับสินค้ามะพร้าวแห้งจำนวน 60 กระสอบ น้ำหนัก 7,800 กิโลกรัมไว้ อันเป็นการปฏิบัติงานตามหน้าที่แล้ว ในวันเดียวกันนั้นเอง จำเลยทั้งสองได้บังอาจร่วมกันเรียกร้องเงิน 1,200 บาท จากนายไพศาล วัฒนา เจ้าของสินค้าดังกล่าวโดยเจตนาทุจริตโดยจะไม่ดำเนินคดีกับนายบังเอิญ เข็มทอง และจำเลยที่ 1 ได้ทำบันทึกแสดงว่าได้ว่ากล่าวเจ้าของเรือยนต์และเจ้าของสินค้า เพื่อให้นายไพศาล วัฒนา เชื่อถือ แล้วได้ปล่อยตัวบุคคลทั้งสองไป อันเป็นการงดเว้นกระทำการในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบครั้นในวันรุ่งขึ้น จำเลยทั้งสองได้รับเงินจำนวน 600 บาท จากนายไพศาล วัฒนา ไว้เป็นประโยชน์ตนโดยสุจริต การกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการกรมศุลกากร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149, 83 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 5 พระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ. 2469 มาตรา 2 พระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2479 มาตรา 3
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149, 83 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 5 ให้จำคุกไว้คนละมีกำหนด 5 ปี
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันกระทำความผิดตามข้อเท็จจริงที่กล่าวมาในฟ้อง ยืนตามศาลชั้นต้น แต่สำหรับจำเลยที่ 2ซึ่งศาลชั้นต้นลงโทษฐานเป็นเจ้าพนักงานกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 นั้น เห็นว่า จำเลยที่ 2 ไม่ใช่เจ้าพนักงาน จึงลงโทษฐานเป็นตัวการตามมาตราดังกล่าวไม่ได้ คงลงโทษได้แต่ในฐานเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86 พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502มาตรา 5 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ให้ลงโทษสองในสามของโทษที่กำหนดไว้ โดยจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 3 ปี 4 เดือนนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จำเลยที่ 2 จะเป็นพนักงานศุลกากรหรือพนักงานตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 2 พระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2479 มาตรา 3 แต่ก็หาใช่เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษไม่เพราะจำเลยที่ 2 เป็นเพียงลูกจ้างประจำรายเดือน มิใช่เป็นข้าราชการตามพระราชบัญญัติข้าราชการพลเรือน ทั้งมิได้มีกฎหมายบัญญัติให้เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายฉะนั้น เมื่อได้ความว่าร่วมกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายกระทำความผิดก็จะลงโทษจำเลยที่ 2 อย่างเป็นเจ้าพนักงานเช่นเดียวกับจำเลยที่ 1 ไม่ได้ เพราะประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 เป็นบทบัญญัติลงโทษบุคคลผู้กระทำผิดที่เป็นเจ้าพนักงานกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการโดยเฉพาะ คดีคงลงโทษจำเลยที่ 2 ได้แต่ในฐานะเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชอบแล้ว พิพากษายืน