คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 499/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีอาญา ฟ้องของโจทก์กล่าวว่าจำเลยสมคบกับจำเลยอีกคนหนึ่งซึ่งถูกฟ้องศาลไปก่อนแล้วและปรากฏว่าจำเลยในคดีก่อนถูกศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องส่วนจำเลยในคดีหลังถูกศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยที่ถูกศาลลงโทษฎีกา และขอให้ศาลฎีกาเรียกสำนวนคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องจำเลยอีกคนหนึ่งมาประกอบการวินิจฉัยโดยอ้างว่าพยานโจทก์ทั้ง 2 คดี เป็นพยานชุดเดียวกัน เบิกความ 2ครั้ง แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีเกี่ยวกับตัวจำเลยต่างกันดังนี้ ศาลฎีกาย่อมอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208,225,228 เรียกสำนวนคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาปล่อยจำเลยมาประกอบการวินิจฉัยได้ และเมื่อเห็นว่าคำพยานโจทก์ที่เบิกความ 2 ครั้ง ขัดแย้งกัน ศาลฎีกาก็ตัดสินยกฟ้องได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าคน จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297, 80, 83 ฐานพยายามฆ่า วางโทษจำคุกคนละ 10 ปี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าคน แต่ศาลชั้นต้นวางบทลงโทษผิดพลาดไป จึงแก้ว่าจำเลยมีผิดตามมาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 นอกนั้นยืน

จำเลยฎีกาว่า กรณีโจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกับนายเพิ่มจำเลยในคดีดำที่ 207/2500 แต่คดีดำที่ 207/2500 ได้ดำเนินการสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว จึงจับจำเลยและฟ้องเป็นคดีนี้ซึ่งมีพยานชุดเดียวกันเหตุเกิดวาระเดียวกันกรรมเดียวกัน ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ปล่อยนายเพิ่มไปแล้ว คดีนี้พยานโจทก์ชุดเดียวกับพยานโจทก์คดีนายเพิ่มเป็นจำเลย แต่เบิกความ 2 ครั้ง จึงขอให้ศาลฎีกาเรียกสำนวนคดีดำที่ 207/2500 มาประกอบการวินิจฉัย

ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์กล่าวในฟ้องว่า จำเลยในคดีนี้ได้บังอาจสมคบกับนายเพิ่มจำเลยในคดีดำที่ 207/2500 จึงเห็นสมควรจะได้ตรวจพยานหลักฐานโจทก์ในคดีดำที่ 207/2500 ตามที่จำเลยร้องขออาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208, 225, 228 ศาลฎีกาจึงเรียกสำนวนดังกล่าวมาตรวจดู และเห็นว่าข้อเท็จจริงที่ประจักษ์พยานโจทก์เบิกความ 2 ครั้ง ขัดกันหลายประการ คดีของโจทก์มีเหตุอันควรสงสัยควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้เป็นผลดีแก่จำเลย

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ปล่อยจำเลยพ้นข้อหา

Share