คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 499/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนตกลงกันตั้งบุคคลภายนอกเป็นผู้ชำระบัญชีไปแล้ว แต่ต่อมาบุคคลภายนอกนั้นลาออกแล้ว ทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนนั้นจึงเป็นธรรมดาอยู่เองที่จะต้องตกมาอยู่ในความจัดทำของผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดผู้เป็นเจ้าของตราบใดที่ผู้เป็นหุ้นส่วนยังไม่ได้วินิจฉัยชี้ขาดโดยคะแนนเสียงข้างมากให้ผู้อื่นใดจัดทำ การชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วนนั้นก็เป็นหน้าที่ของผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมด.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้ทำสัญญาริเริ่มตั้งบริษัทสหการแพทย์สถานกับจำเลยและพวก ต่อมาได้เกิดพิพาทกันขึ้น ไม่มีการจดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดและคดีนี้พิพาทกันศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ว่ากิจการที่ดำเนินมาภายหลังสัญญาริเริ่มเป็นกิจการห้างหุ้นส่วนสามัญ จำเลยกับหุ้นส่วนอื่นได้เลิกหุ้นส่วนตั้งแต่วันที่ ๑ ม.ค. ๙๕ จำเลยกับพวกตั้ง ม.ร.ว.ทองแท่ง ผู้ตรวจบัญชีของบริษัทเวชการ จำกัด ซึ่งพวกจำเลยเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ โจทก์คัดค้าน ต่อมาจำเลยมีหนังสือแจ้งว่า ม.ร.ว. ทองแท่งได้ขอลาออกจากการเป็นผู้ชำระบัญชี และผู้ลงหุ้นที่มาประชุมได้ตกลงให้จำเลยเป็นผู้ชำระบัญชี และตกลงคิดเงินตอบแทนให้จำเลยในฐานะที่จัดการห้างมาตั้งแต่เริ่มตั้งสหการแพทย์มาเดือนละ ๒,๐๐๐ บาท จำเลยเป็นคู่ปรปักษ์กับโจทก์ และพยายามกระทำการโดยไม่สุจริตและไม่สมควรหลายประการ และโจทก์ทราบว่าเงินที่จำเลยรับมอบจากผู้ชำระบัญชีครเดิม ๑๒๓,๓๘๖ บาท ๗๖ สตางค์ จำเลยได้จ่ายโดยปราศจากเหตุผลไปมาก ทั้งที่โจทก์คัดค้านไว้แล้ว ขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าการแต่งตั้งจำเลยเป็นผู้ชำระบัญชีซึ่งไม่ชอบและไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ขอให้สั่งทำลาย และสั่งว่าจำเลยเป็นบุคคลที่ไม่สมควรและเหมาะสมที่จะเป็นผู้ชำระบัญชี
ให้ถอดถอนเสีย และให้ส่งมอบเงินจำนวน ๑๒๓,๓๘๖ บาท ๗๖ สตางค์ แก่ผู้ชำระบัญชี และขอให้ตั้งผู้ชำระบัญชีบุคคลฝ่ายจำเลยกับพวก ๑ คน จากฝ่ายโจทก์ ๑ คน กับกองหมาย ๑ คน เป็นผู้ชำระบัญชีต่อไป หรือศาลจะพิจารณาเห็นสมควรแก่ความยุติธรรมเป็นอย่างอื่นและขอให้แสดงว่าจำเลยไม่มีสิทธิจะได้เงินเดือนตามที่ผู้ถือหุ้นบางคนลงมติให้ เพราะมตินั้นใช้ไม่ได้และไม่ชอบ
จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยเป็นผู้ชำระบัญชีอันชอบด้วยกฎหมาย ได้มีการแจ้งการประชุมทุกครั้ง แต่โจทก์ไม่นำพาต่อการประชุมเอง
ศาลแพ่งพิพากษาว่าการประชุมหุ้นส่วนแต่งตั้งจำเลยเป็นผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนสามัญสหการแพทย์ และกำหนดอัตราเงินเดือนให้จำเลยเป็นการมิชอบไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ให้เพิกถอนเสีย และจำเลยเป็นบุคคลที่ไม่เหมาะสมในการที่จะเป็นผู้ชำระบัญชีโดยลำพัง จึงแต่งตั้งให้โจทก์จำเลยหรือบุคคลที่โจทก์จำเลยเลือกตั้งมาฝ่ายละ ๑ คน ภายใน ๓๐ วัน เว้นแต่โจทก์จำเลยจะสละสิทธินี้ ร่วมกับหัวหน้ากองหมาย กระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนสามัญสหการแพทย์ต่อไป ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ยกข้อที่ศาลชั้นต้นแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีนั้นเสีย ส่วนการชำระบัญชีตาม ป.พ.พ. ม.๑๐๖๑ ผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดด้วยกันจัดทำได้อยู่แล้ว หากมีกรณียังประสงค์ตั้งแต่บุคคลอื่นและไม่อาจตั้งแต่งโดยคะแนนเสียงข้างมากหรือมีข้อพิพาทเกี่ยวกับตัวบุคคลกันอีกซึ่งจะต้องขอให้ศาลชี้ขาด ก็ให้ดำเนินการฟ้องร้องใหม่ เรื่องค่าฤชาธรรมเนียมคำฟ้องโจทก์ขอให้บังคับจำเลยส่งมอบเงิน ศาลชั้นต้นยกคำขอ โจทก์ชนะคดีแต่เรื่องตั้งแต่งผู้ชำระบัญชีและเรื่องกำหนดเงินเดือนซึ่งโจทก์มิได้ตั้งทุนทรัพย์ ค่าฤชาธรรมเนียมศาลชั้นต้นให้จำเลยใช้แก่โจทก์นั้น แก้สำหรับค่าขึ้นศาลให้ใช้เพียง ๑๕ ฯลฯ นอกจากนี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ประเด็นชั้นฎีกาคงเหลือแต่เรื่องการแต่งตั้งผู้ชำระบัญชี โจทก์ฎีกาคัดค้านเป็น ๓ ข้อ คือ
ก. หุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนเลิกกัน โดยมีการชำระบัญชีและหุ้นส่วนตกลงกันตั้งบุคคลภายนอกเป็นผู้ชำระบัญชีแล้ว เมื่อผู้ชำระบัญชีนั้นลาออก หุ้นส่วนจะกลับมาร่วมกันจัดการชำระบัญชีเสียเองจะได้หรือไม่ หรือจะต้องแต่งตั้งบุคคลภายนอกเป็นผู้ชำระบัญชีคนใหม่ต่อไปตามเดิม
ข. ศาลจะพิพากษาแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีตามคำขอของโจทก์ได้หรือไม่
ฯลฯ
สำหรับประเด็นข้อ ก. ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนตกลงกันมาตั้งบุคคลภายนอกเป็นผู้ชำระบัญชีไปแล้ว แต่ต่อมาบุคคลภายนอกนั้นลาออกแล้ว ทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนนั้นจึงเป็นธรรมดาอยู่เองที่จะต้องตกมาอยู่ในความจัดทำของผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดผู้เป็นเจ้าของ ตราบใดที่ผู้เป็นหุ้นส่วนยังไม่ได้วินิจฉัยชี้ขาดโดยคะแนนเสียงข้างมาก++ผู้อื่นได้จัดทำการชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วนนั้นก็เป็นหน้าที่ของผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมด ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
ส่วนข้อ ข. ประเด็นแห่งคดีแห่งคดีไม่ได้อยู่ที่ว่าศาลจะมีอำนาจตั้งผู้ชำระ++หรือไม่หากอยู่ที่ว่าศาลเห็นจำเป็นและสมควรตั้งแต่งหรือไม่ ซึ่งในกรณีนี้ศาลยังไม่เห็นสมควรที่จะอาจเอื้อมไปตั้งผู้ชำระบัญชีทรัพย์สินของผู้อื่นอีก ๘ คนนั้น โดยไม่ได้ฟังเสียงเขาก่อน ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ฯลฯ
พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ยกฎีกาโจทก์.

Share