คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1260/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์กล่าวฟ้องใจความว่าโคของเจ้าทรัพย์เพริดไปเมื่อวัน ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2499 ตอนกลางวัน ครั้นตกเวลากลางคืนในวันเดียวกันนั้นเองปรากฎว่าจำเลยมีโคตัวนั้นไว้ในความครอบครองโดยในระยะเวลาระหว่าง 2 ตอนดังกล่าวนั้น จำเลยจับโคที่เพริดไปนั้นได้เองแล้วกลับยักยอกเอาไว้เสียโดยทุจริตหรือรับของโจรโคตัวนั้นไว้
เช่นนี้เป็นฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม เพราะโจทก์บรรยายการกระทำและรายละเอียดชัดเจนพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจได้ดีอยู่แล้ว ตาม ป.วิ.อาญา ม.158 (5) และความผิดฐานยักยอกของหายในลักษณะเช่นนี้ กับความผิดฐานรับของโจรเป็นความผิดที่เกี่ยวพันกันอยู่เช่นเดียวกันกับความผิดฐานลักทรัพย์กับความผิดฐานรับของโจร ซึ่งย่อมฟ้องได้ในลักษณะทำนองเดียวกันนี้

ย่อยาว

เรื่อง ยักยอกทรัพย์หรือรับของโจร
โจทก์ฟ้องกล่าวความว่าเมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๙ เวลากลางวัน โคผู้สีแดง ๑ ตัวราคา ๕๐๐ บาท ของนายพรม การประสพได้พลัดเพลิดหายไป ติดตามหาไม่พบ เหตุเกิดที่ตำบลม่วงนา อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ต่อมาวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๙ นั้นเองเวลากลางคืน หลังจากโคของเจ้าทรัพย์ได้หายไปแล้ว ได้มีผู้พบเห็นจำเลยนี้มีโคของเจ้าทรัพย์ไว้ในครอบครอง ทั้งนี้โดยจำเลยบังอาจสมคบกันยักยอกเอาโคของเจ้าทรัพย์ดังกล่าวแล้วไว้เป็นอาญาประโยชน์ของจำเลยเสีย หาได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายไม่ หรือมิฉะนั้นตั้งแต่วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๙ เวลากลางวันจนถึงวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๙ เวลากลางคืนซึ่งมีผู้พบเห็นจำเลยมีโคของเจ้าทรัพย์ไว้ในครอบครอง จำเลยบังอาจสมคบกันรับเอาโคของเจ้าทรัพย์ไว้ในครอบครองโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของร้ายได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย เหตุทั้งนี้เกิดที่ตำบลม่วงนา อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๓๑๘,๓๒๑
จำเลยปฎิเสธ และต่อสู้ว่าฟ้องเคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่า บรรยายฟ้องของโจทก์ขัดกันในตัวเอง จำเลยไม่สามารถเข้าใจข้อหาได้ ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อาญา ม.๑๕๘ (๕) พิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ฟ้องโจทก์บรรยายการกระทำและรายละเอียดไว้ชัดและไม่ขัดแย้งกัน พอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ไม่มีทางที่จำเลยจะหลงเข้าใจฟ้องผิดเลย อนึ่ง ความผิดฐานยักยอกเก็บของตกกับฐานรับของโจรนั้น เป็นความผิดซึ่งเกี่ยวเนื่องกัน อาจฟ้องรวมกันมาในคดีเดียวกันได้ตามฎีกาที่ ๔๖๗/๒๔๙๑ จึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาสืบพยานต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกาว่า ฟ้องเคลือบคลุม
ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องฉบับนี้ได้บรรยายการกระทำและรายละเอียดชัดเจนพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีอยู่แล้ว ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา ๑๕๘ (๒) และความผิดฐานยักยอกของหายในลักษณะเช่นนี้ กับความผิดฐานรับของโจรเป็นความผิดที่เกี่ยวพันกันอยู่ เช่นเดียวกันกับความผิดฐานลักทรัพย์กับความผิดฐานรับของโจร ซึ่งย่อมฟ้องได้ในลักษณะทำนองเดียวกันนี้
พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share