แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ไม่ใช่หนองสาธารณะจำเลยต่อสู้ว่าเป็นหนองสาธารณะคู่ความต่างไม่ติดใจสืบพยานโดยตกลงกันว่าให้ศาลฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานที่สืบมาแล้วในคดีอาญาคดีหนึ่งซึ่งอัยการเป็นโจทก์ ฟ้องโจทก์ในคดีนี้เป็นจำเลยเกี่ยวกับที่พิพาทดังนี้เมื่อศาลฎีกาพิพากษาคดีอาญาเรื่องนั้นว่าที่พิพาทจะเป็นหนองสาธารณะหรือไม่ ไม่วินิจฉัยให้คู่ความชอบที่จะโต้แย้งกันในทางแพ่งดังนี้ ข้อที่คู่ความร้องขอให้ฟังข้อเท็จจริงในคดีอาญา จึงเป็นอันไร้ผลชอบที่คู่ความจะต้องนำสืบข้อเท็จจริงกันในคดีแพ่งนี้ต่อไป
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่า ที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ไม่ใช่เป็นเขตสระพัง
จำเลยต่อสู้ว่า ที่พิพาทเป็นเขตหนองสระพัง
ในวันชี้สองสถาน โจทก์จำเลยไม่สืบพยานโดยตกลงกันว่าให้ศาลฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานที่สืบมาแล้วในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 702/2492 เพราะข้อเท็จจริงอย่างเดียวกัน และขอให้รอคดีไว้จนกว่าจะพิจารณาคดีดำที่ 702/2492 ต่อมาศาลล่างพิพากษาให้ยกฟ้องอัยการโดยฟังว่าที่พิพาทไม่ใช่หนองสระพังแต่เป็นที่ของโจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ตามคดีดำที่ 702/2492 นั้น บัดนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า ที่พิพาทเป็นเขตหนองสระพัง เป็นหนองสาธารณประโยชน์ จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ปรากฏว่าคดีอาญาเลขดำที่ 702/2492 นั้นศาลฎีกาพิพากษาแล้วว่าคู่ความชอบที่จะโต้แย้งกันในทางแพ่งว่าที่พิพาทเป็นหนองสาธารณะหรือไม่ ไม่วินิจฉัยข้อเท็จจริงในคดีอาญา
เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้อที่คู่ความร้องขอให้ฟังข้อเท็จจริงตามข้อเท็จจริงในคดีอาญา จึงเป็นอันไร้ผลชอบที่คู่ความจะต้องนำสืบกันในคดีแพ่งนี้ต่อไป
จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลล่าง ให้ย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามกระบวนความ