แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/12 บัญญัติว่า “ภายใต้บังคับของมาตรา 90/13 และมาตรา 90/14 นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งรับคำร้องขอไว้เพื่อพิจารณาจนถึงวันครบกำหนดระยะเวลาดำเนินการตามแผน หรือวันที่ดำเนินการเป็นผลสำเร็จตามแผนหรือวันที่ศาลมีคำสั่งยกคำร้องขอ หรือจำหน่ายคดี หรือยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ หรือยกเลิกการฟื้นฟูกิจการ หรือพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด… (5) ห้ามมิให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้…” เป็นบทกฎหมายที่กำหนดขึ้นเพื่อคุ้มครองกองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่มีการฟื้นฟูกิจการให้ดำเนินกิจการต่อไปได้ หาได้มีผลต่อบุคคลอื่นที่มิได้เป็นลูกหนี้ที่มีการฟื้นฟูกิจการด้วยไม่ จึงมีข้อจำกัดสิทธิเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาห้ามบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างการฟื้นฟูกิจการ เมื่อปรากฏว่าระหว่างฟื้นฟูกิจการนั้นผู้ร้องเป็นเพียงผู้เช่าที่ครอบครองเครื่องจักรซึ่งเป็นทรัพย์สินของจำเลย เครื่องจักรดังกล่าวจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่อยู่ในกองทรัพย์สินของผู้ร้องที่จะได้รับความคุ้มครองเพื่อการฟื้นฟูกิจการ ดังนั้นโจทก์ทั้งเจ็ดร้อยห้าสิบเจ็ดซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา จึงมีสิทธินำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดเครื่องจักรอันเป็นทรัพย์สินของจำเลยตามหมายบังคับคดีได้ กรณีไม่มีเหตุเพิกถอนการยึดทรัพย์สินตามคำร้อง
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 757 คดีถึงที่สุด จำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ทั้งเจ็ดร้อยห้าสิบเจ็ดขอออกหมายบังคับคดี ศาลแรงงานกลางออกหมายบังคับคดี ฝ่ายโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดเครื่องจักรซึ่งเป็นทรัพย์สินของจำเลยออกขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระหนี้
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของผู้ร้องและเห็นชอบด้วยกับแผนฟื้นฟูกิจการของผู้ร้องซึ่งผู้ร้องเป็นผู้บริหารแผน ระหว่างดำเนินการฟื้นฟูกิจการผู้ร้องทำสัญญาเช่าเครื่องจักรซึ่งเป็นทรัพย์สินของจำเลยเพื่อใช้ในการประกอบกิจการของผู้ร้อง ต่อมาโจทก์ทั้งเจ็ดร้อยห้าสิบเจ็ดซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษานำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดเครื่องจักรซึ่งเป็นทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาตามรายการนำยึดของเจ้าพนักงานบังคับคดี ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหาย ผู้ร้องซึ่งอยู่ระหว่างการฟื้นฟูกิจการจึงได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/12 (5) คือ ห้ามมิให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาบังคับคดีแก่ทรัพย์สินที่อยู่ในครอบครองของผู้ร้อง โดยถือว่าทรัพย์สินที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษายึดในคดีนี้เป็นทรัพย์สินที่อยู่ในความครอบครองของลูกหนี้ด้วย ขอให้เพิกถอนการบังคับคดีและให้ปล่อยทรัพย์สินที่ยึด
ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า กรณีผู้ร้องยื่นขอให้เพิกถอนหมายบังคับคดีนั้นจะต้องเป็นกรณีที่หมายบังคับคดีฝ่าฝืนต่อกฎหมาย กรณีพิพาทไม่ปรากฏว่าหมายบังคับคดีฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ไม่มีเหตุที่จะขอให้เพิกถอน ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ร้องว่า มีเหตุที่จะเพิกถอนการยึดทรัพย์สินตามคำร้องของผู้ร้องหรือไม่ โดยผู้ร้องอุทธรณ์ว่า ผู้ร้องได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/12 (5) เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไม่อาจนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์สินที่ผู้ร้องเช่ามาได้เพราะถือว่าเป็นทรัพย์สินที่อยู่ในความครอบครองดูแลของลูกหนี้ในระหว่างการฟื้นฟูกิจการนั้น เห็นว่า พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/12 บัญญัติว่า “ภายใต้บังคับของมาตรา 90/13 และมาตรา 90/14 นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งรับคำร้องขอไว้เพื่อพิจารณาจนถึงวันครบกำหนดระยะเวลาดำเนินการตามแผน หรือวันที่ดำเนินการเป็นผลสำเร็จตามแผนหรือวันที่ศาลมีคำสั่งยกคำร้องขอ หรือจำหน่ายคดี หรือยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ หรือยกเลิกการฟื้นฟูกิจการ หรือพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด (5) ห้ามมิให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้…” เป็นบทกฎหมายที่กำหนดขึ้นเพื่อคุ้มครองกองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่มีการฟื้นฟูกิจการให้ดำเนินกิจการต่อไปได้ หาได้มีผลต่อบุคคลอื่นที่มิได้เป็นลูกหนี้ที่มีการฟื้นฟูกิจการด้วยไม่ จึงมีข้อจำกัดสิทธิเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาห้ามบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างการฟื้นฟูกิจการ เมื่อปรากฏว่าระหว่างฟื้นฟูกิจการนั้นผู้ร้องเป็นเพียงผู้เช่าที่ครอบครองเครื่องจักรซึ่งเป็นทรัพย์สินของจำเลย เครื่องจักรจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่อยู่ในกองทรัพย์สินของผู้ร้องที่จะได้รับความคุ้มครองเพื่อการฟื้นฟูกิจการ ดังนั้นโจทก์ทั้งเจ็ดร้อยห้าสิบเจ็ดซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจึงมีสิทธินำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดเครื่องจักรอันเป็นทรัพย์สินของจำเลยตามหมายบังคับคดีได้ กรณีไม่มีเหตุเพิกถอนการยึดทรัพย์สินตามคำร้อง ที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน