แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ผู้ร้องคงมีแต่ฟ.กรรมการบริษัทผู้ร้องเป็นพยานเบิกความลอยๆว่าบริษัทผู้ร้องเป็นเจ้าของตู้ปาเป้าไฟฟ้าซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด ทั้งพยานเอกสารที่ผู้ร้องอ้างเป็นภาษาต่างประเทศก็ไม่มีคำแปลภาษาไทยไม่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานประกอบจึงฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของตู้ปาเป้าของกลางนอกจากนั้นการที่ผู้ร้องมอบให้ส. เป็นผู้ดำเนินการติดตั้งตู้ปาเป้าก็ขึ้นอยู่กับส. ว่าจะนำไปติดตั้งที่ใดก็ได้ ผู้ร้องไม่สนใจขอเพียงได้รับเงินเดือน เดือนละ 2,000 บาท เท่านั้น ย่อมเป็นพฤติการณ์ที่ทำให้ เห็นว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด
ย่อยาว
คดีนี้เดิมโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478มาตรา 4, 5, 6, 10, 12, 15 ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยและสั่งริบเครื่องจักรกลไฟฟ้า(ตู้ปาเป้าไฟฟ้า หรือเครื่องสปอร์ท ดาร์ท) 2 ตู้ เงิน 2,200 บาท ลูกดอก 15 ดอก ของกลาง
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของตู้ปาเป้าไฟฟ้าหรือเครื่องสปอร์ท ดาร์ท จำนวน 1 ตู้ ของกลาง และมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดดังกล่าว ขอให้สั่งคืนตู้ปาเป้าไฟฟ้าของกลางแก่ผู้ร้อง
โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านว่า ผู้ร้องไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ของกลาง และผู้ร้องน่าจะมีส่วนรู้เห็นในการใช้ทรัพย์ของกลางเป็นอุปกรณ์หรือเครื่องมือในการกระทำความผิด
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้คืนตู้ปาเป้าไฟฟ้าของกลางอ้างว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของแท้จริงมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดชั้นไต่สวนนายฟรานซ์ ชูโคชกี้ กรรมการของผู้ร้องเบิกความว่า พยานสั่งซื้อของกลางมาจากประเทศออสเตรีย นำเข้าทางศุลกากรถูกต้อง ของกลางเป็นเครื่องเล่นออกกำลังกายและพยานได้ตอบโจทก์ถามค้านว่า เครื่องเล่นของกลางพยานโจทก์มอบให้จ่าอากาศเอกสมคิด สุตตา เป็นผู้ดำเนินการตามใบอนุญาตโดยนำไปติดตั้งที่ใดแล้วแต่จะจัดการ จะนำไปใช้สำหรับเล่นการพนันหรือไม่ พยานไม่สนใจเพียงแต่ขอให้รับเงินเดือน เดือนละ 2,000 บาทเท่านั้น เห็นว่า ผู้ร้องคงมีแต่นายฟรานซ์ ชูโคชกี้ กรรมการบริษัทผู้ร้องเป็นพยานบุคคลเบิกความลอย ๆ พยานเอกสารที่ผู้ร้องอ้างเป็นภาษาต่างประเทศไม่มีคำแปลภาษาไทยไม่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานประกอบ ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของตู้ปาเป้าของกลาง นอกจากนั้นพฤติการณ์ตามคำเบิกความของผู้ร้องถือได้ว่า ผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน