แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
++ เรื่อง ล้มละลาย (ชั้นคัดค้านคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์)
++ โปรดดูย่อจากหนังสือคำพิพากษาศาลฎีกา สำนักงานศาลยุติธรรม
++ เล่มที่ 8 หน้า 87 ++
++ ขอดูชุดพิเศษโปรดติดต่อห้องบริการเอกสารสำเนาคำพิพากษา (ห้องสมุด) ชั้น 4, 5 ++
ย่อยาว
เรื่อง ล้มละลาย (ชั้นคัดค้านคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์)
ผู้ร้อง ฎีกาคัดค้าน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ลงวันที่ ๓๑ เดือน สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๑
ศาลฎีกา รับวันที่ ๓ เดือน กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๒
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้(จำเลย)ทั้งสองไว้เด็ดขาดเมื่อวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๓๕ ทางสอบสวนของผู้คัดค้านพบว่า เมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๓๖ ลูกหนี้ที่ ๑ ทำนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ ๒๕๕๕๗ ถึง ๒๕๕๖๐ ตำบลนาทุ่ง อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร ให้แก่นายอนุรักษ์ บุญทรัพย์ ต่อมามีการรวมที่ดินดังกล่าวทั้งสี่แปลงเป็นโฉนดที่ดินเลขที่ ๒๕๕๕๗ และแบ่งแยกเป็นที่ดินแปลงย่อยหลายแปลง รวมทั้งที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ ๒๗๓๑๑ ที่ผู้ร้องรับโอน ซึ่งเป็นการโอนภายหลังศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ที่ ๑ เด็ดขาดแล้ว ผู้คัดค้านจึงมีหนังสือที่ ยธ.๐๔๐๗/๑๒๗ ลงวันที่ ๑๓มกราคม ๒๕๔๑ แจ้งให้ผู้ร้องโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ ๒๗๓๑๑ดังกล่าวคืนแก่ลูกหนี้ที่ ๑ เพื่อรวบรวมเข้ากองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ ๑ให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันได้รับหนังสือ หากผู้ร้องไม่ปฏิบัติตามผู้คัดค้านจะดำเนินการตามกฎหมาย
ผู้ร้องยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องว่า ผู้ร้องซื้อที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ ๒๗๓๑๑ ตำบลนาทุ่ง อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร จากนายอนุรักษ์ บุญทรัพย์ โดยสุจริตและมีค่าตอบแทน มิได้ซื้อมาจากลูกหนี้ที่ ๑และลูกหนี้ที่ ๑ ไม่เคยทำนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่๒๕๕๕๗ ถึง ๒๕๕๖๐ ตำบลนาทุ่ง อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร ให้แก่นายอนุรักษ์ ผู้ร้อง จึงไม่ต้องโอนที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ ๒๗๓๑๑ ตำบลนาทุ่งอำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร คืนให้แก่กองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ ๑ขอให้มีคำสั่งกลับคำสั่งของผู้คัดค้านที่แจ้งมาตามหนังสือที่ ยธ.๐๔๐๗/๑๒๗ลงวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๔๑
ผู้คัดค้านยี่นคำคัดค้านว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ที่ ๑ เด็ดขาดตั้งแต่วันที่ ๘ มกราคม ๒๕๓๕ ที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่๒๗๓๑๑ ตำบลนาทุ่ง อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร เป็นที่ดินส่วนหนึ่งที่แบ่งแยกมาจากที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ ๒๕๕๕๗ ถึง ๒๕๕๖๐ ซึ่งลูกหนี้ที่ ๑ทำนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งสี่แปลงให้แก่นายอนุรักษ์ บุญทรัพย์ เมื่อวันที่๒๕ สิงหาคม ๒๕๓๖ ต่อมามีการรวมที่ดินทั้งสี่แปลงเป็นโฉนดที่ดินเลขที่๒๕๕๕๗ และได้แบ่งแยกเป็นที่ดินแปลงย่อยอีกหลายแปลง รวมทั้งที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ ๒๗๓๑๑ ผู้ร้องรับโอนที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ ๒๗๓๑๑ จากนายอนุรักษ์เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๓๖ การโอนที่ดินของลูกหนี้ที่ ๑ เป็นการโอนภายหลังวันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ที่ ๑ เด็ดขาดอันฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมายจึงตกเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๐ แม้ผู้ร้องจะรับโอนโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน ก็มิได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.๒๔๘๓ หนังสือที่ผู้คัดค้านแจ้งไปยังผู้ร้องเป็นเพียงแจ้งให้ผู้ร้องพิจารณาดำเนินการโอนเท่านั้นมิใช่เป็นคำสั่งของผู้คัดค้านที่ผู้ร้องต้องร้องขอให้กลับหรือแก้ไข ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.๒๔๘๓ มาตรา ๑๔๖ ขอให้ยกคำร้อง
ก่อนวันนัดไต่สวนคำร้อง ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา-ความแพ่ง มาตรา ๒๔ ประกอบพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.๒๔๘๓ มาตรา๑๕๓ ว่า ผู้ร้องมีอำนาจร้องขอให้กลับหรือแก้ไขตามหนังสือของผู้คัดค้านที่แจ้งให้ผู้ร้องโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินคืนแก่ลูกหนี้ที่ ๑ หรือไม่
ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ให้งดไต่สวนคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีล้มละลายพิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาผู้ร้องว่า ผู้ร้องมีอำนาจร้องขอต่อศาลให้สั่งกลับหรือแก้ไขตามหนังสือของผู้คัดค้านที่แจ้งให้ผู้ร้องโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ ๒๗๓๑๑ ตำบลนาทุ่ง อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร คืนแก่ลูกหนี้ที่ ๑หรือไม่ ตามสำเนาหนังสือที่ ยธ.๐๔๐๗/๑๒๗ ท้ายคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายที่ผู้คัดค้านแจ้งไปยังผู้ร้องมีใจความสำคัญว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ที่ ๑ เด็ดขาด ทางสอบสวนของผู้คัดค้านพบว่า ลูกหนี้ที่ ๑ โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ ๒๕๕๕๗ ถึง๒๕๕๖๐ ตำบลนาทุ่ง อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร รวม ๔ แปลง ให้แก่นายอนุรักษ์ บุญทรัพย์ ต่อมามีการรวมที่ดินทั้งสี่แปลงดังกล่าวเป็นโฉนดที่ดินเลขที่ ๒๕๕๕๗ และได้แบ่งแยกเป็นที่ดินแปลงย่อย รวมทั้งที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ ๒๗๓๑๑ อันเป็นการโอนภายหลังศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ที่ ๑ เด็ดขาด ซึ่งลูกหนี้ที่ ๑ ไม่สามารถกระทำได้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ และ ๒๔ การโอนที่ดินดังกล่าวตกเป็นโมฆะ ผู้ร้องเป็นผู้รับโอนที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ ๒๗๓๑๑ ต่อจากนิติกรรมที่เป็นโมฆะ จึงไม่มีสิทธิใด ๆ ในที่ดิน ขอให้ผู้ร้องโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวคืนแก่ลูกหนี้ที่ ๑ เพื่อรวบรวมเข้ากองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ ๑ ให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันได้รับหนังสือนี้ หากไม่โอนคืนภายในกำหนดผู้คัดค้านจะดำเนินการตามกฎหมาย เห็นว่า การที่ผู้คัดค้านมีหนังสือแจ้งให้ผู้ร้องโอนที่ดินคืนแก่ลูกหนี้ที่ ๑ เป็นการกระทำในขั้นตอนของการจัดกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ ๑ ซึ่งเป็นอำนาจของผู้คัดค้านแต่ผู้เดียว ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ และ ๒๔ แต่ตามหนังสือของผู้คัดค้านดังกล่าวเป็นเพียงแจ้งข้อเท็จจริงประกอบข้อกฎหมายให้ผู้ร้องทราบ แม้ในตอนท้ายจะมีข้อความขอให้ผู้ร้องโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินคืนแก่ลูกหนี้ที่ ๑ หากไม่ปฏิบัติตาม ผู้คัดค้านจะดำเนินการตามกฎหมายก็ตาม ก็มีลักษณะเปีนเพียงคำชี้แนะของผู้คัดค้าน มิใช่เป็นคำสั่งหรือคำวินิจฉัยชี้ขาดที่กฎหมายบัญญัติให้ผู้ร้องต้องปฎิบัติตาม ถ้าผู้ร้องเห็นว่าคำชี้แนะไม่ถูกต้อง ผู้ร้องจะไม่ปฎิบัติตามก็ได้ หนังสือของผู้คัดค้านดังกล่าวจึงหามีผลบังคับผู้ร้องไม่ แม้ต่อมาหากปรากฏว่าผู้คัดค้านดำเนินคดีแก่ผู้ร้อง ก็ยังไม่เป็นการแน่นอนว่าผู้ร้องต้องโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินคืนให้แก่ลูกหนี้ที่ ๑ เพราะศาลอาจมีคำวินิจฉัยหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่นได้ ฉะนั้น ลำพังหนังสือของผู้คัดค้านที่แจ้งไปยังผู้ร้องดังกล่าว จึงยังไม่เป็นการกระทำหรือคำวินิจฉัยของผู้คัดค้านที่ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหาย ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.๒๔๘๓ มาตรา ๑๔๖ผู้ร้องจึงไม่มีอำนาจร้องขอต่อศาลให้สั่งกลับหรือแก้ไขตามหนังสือของผู้คัดค้านที่แจ้งให้ผู้ร้องโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ ๒๗๓๑๑ ดังกล่าวคืนแก่ลูกหนี้ที่ ๑ ส่วนฎีกาผู้ร้องที่อ้างว่า ภายหลังศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ที่ ๑ เด็ดขาด ผู้คัดค้านมิได้ตรวจสอบอายัดที่ดินของลูกหนี้ที่ ๑ โดยเร็ว เป็นเหตุให้ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับซื้อที่ดินในภายหลังได้รับความเสียหายและผู้คัดค้านไม่มีอำนาจร้องขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินดังกล่าวโดยอ้างว่าเป็นโมฆะเพราะคดีขาดอายุความนั้น เป็นข้อที่ผู้ร้องมิได้ยกขึ้นกล่าวอ้างเป็นประเด็นในคำร้อง ประกอบกับคดีนี้ ศาลชั้นต้นงดไต่สวนคำร้องโดยเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ แล้วมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องโดยข้อกฎหมาย จึงเป็นการที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดเบี้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายตามคำร้องขอของผู้คัดค้านซึ่งทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔ ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.๒๔๘๓มาตรา ๑๕๓ คดีจึงเสร็จไปทั้งเรื่องตามปัญหาข้อกฎหมายดังที่วินิจฉัยแล้วไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาอื่นตามฎีกาผู้ร้องอีก ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นให้ยกคำร้องของผู้ร้อง ศาลฎีกาเห็นด้วย ฎีกาผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.