คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4965/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อโจทก์ร่วมสั่งซื้อน้ำยาเคมีสไตรีนโมโนเมอร์สำหรับทำพลาสติกเม็ดจากบริษัท ช.บริษัทช. จะว่าจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัดท. ใช้รถยนต์บรรทุกน้ำยาเคมีไปส่งให้โจทก์ร่วม เมื่อรถส่งน้ำยาเคมีมาถึงโรงงานของโจทก์ร่วม เจ้าหน้าที่ตรวจรับนำยาเคมีของโจทก์ร่วมจะชั่งน้ำหนักของรถรวมกับน้ำยาเคมีเสียก่อนหากปรากฏว่าแตกต่างกับน้ำหนักที่ระบุไว้ในใบส่งของเป็นจำนวนมากโจทก์ร่วมจะสอบถามไปยังบริษัท ช. หากชั่งน้ำหนักถูกต้องเรียบร้อยโจทก์ร่วมจะตรวจสอบคุณภาพของน้ำยาเคมีว่าได้มาตรฐานถูกต้องตามความต้องการของโจทก์ร่วมหรือไม่อีก หากถูกต้องจึงจะถ่ายน้ำยาเคมีสู่ถังเก็บน้ำยาของโจทก์ร่วมหากไม่ถูกต้องก็จะให้รถบรรทุกน้ำยาเคมีกลับไป การซื้อขายระหว่างโจทก์ร่วมกับบริษัท ช. จึงเป็นการซื้อขายโดยมีเงื่อนไขว่าโจทก์ร่วมจะรับมอบน้ำยาเคมีต่อเมื่อมีการตรวจสอบน้ำหนักและคุณภาพแล้ว เช่นนี้ กรรมสิทธิ์ในน้ำยาเคมีที่โจทก์ร่วมสั่งซื้อจากบริษัท ช. จะตกเป็นของโจทก์ร่วมเมื่อมีการถ่ายน้ำยาเคมีจากรถบรรทุกลงสู่ถังเก็บน้ำยาของโจทก์ร่วมแล้ว การที่จำเลยซึ่งเป็นพนักงานของห้างหุ้นส่วนจำกัด ท.ขับรถบรรทุกน้ำยาเคมีไปที่โรงงานของโจทก์ร่วม แล้วชั่งน้ำหนักรถรวมกับน้ำยาเคมี ปรากฏว่าน้ำหนักขาดหายไปมาก โจทก์ร่วมไม่อนุญาตให้ถ่ายน้ำยาเคมีลงสู่ถังเก็บของโจทก์ร่วม จำเลยจึงขับรถกลับไปแสดงว่าโจทก์ร่วมยังไม่ได้รับมอบน้ำยาเคมีที่สั่งซื้อ กรรมสิทธิ์ในน้ำยาเคมียังคงเป็นของบริษัท ช. ยังไม่โอนไปยังโจทก์ร่วมโจทก์ร่วมไม่เป็นผู้เสียหายที่จะดำเนินคดีแก่จำเลยได้เมื่อน้ำยาเคมีหายไป โจทก์ย่อมไม่อาจเรียกให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาน้ำยาเคมีแก่โจทก์ร่วมได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335,336 ทวิ, 83 และให้จำเลยร่วมกับพวกคืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน278,748 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(1), 336 ทวิ ให้จำคุกจำเลยมีกำหนด 9 ปี ให้จำเลยร่วมกับพวกคืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน 278,748 บาท แก่ผู้เสียหายด้วย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 335(1)(7) วรรคสาม ให้ยกคำขอของโจทก์ที่ให้จำเลยร่วมกับพวกคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ แก่โจทก์ร่วมนอกจากที่แก้ให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ร่วมฎีกา
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้โจทก์ร่วมฎีกาแต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายว่าโจทก์ร่วมเป็นผู้เสียหายหรือไม่ ซึ่งศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนว่าโจทก์ร่วมได้สั่งซื้อน้ำยาเคมีสไตรีนโมโนเมอร์สำหรับทำพลาสติกเม็ดจากบริษัทเชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด โดยบริษัทเชลล์แห่งประเทศไทยจำกัด จะว่าจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัดไทยประเสริฐทรานสปอรต์ใช้รถยนต์บรรทุกขนน้ำยาเคมีดังกล่าวไปส่งให้โจทก์ร่วม เมื่อรถส่งน้ำยาเคมีมาถึงโรงงานของโจทก์ร่วม นายสถิตย์ จำลองกูล เจ้าหน้าที่ตรวจรับน้ำยาเคมีของโจทก์ร่วมจะชั่งน้ำหนักของรถรวมกับน้ำยาเคมีเสียก่อนหากปรากฏว่าน้ำหนักรถรวมกับน้ำยาเคมีแตกต่างกับน้ำหนักที่ระบุไว้ในใบส่งของเป็นจำนวนมาก โจทก์ร่วมจะสอบถามไปทางบริษัทเชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด หากชั่งน้ำหนักถูกต้องเรียบร้อยโจทก์ร่วมจะตรวจสอบคุณภาพของน้ำยาเคมีว่าได้มาตรฐานถูกต้องตามความต้องการของโจทก์ร่วมหรือไม่อีก หากถูกต้องจึงจะถ่ายน้ำยาเคมีสู่ถังเก็บน้ำยาของโจทก์ร่วม หากไม่ถูกต้องก็จะให้รถบรรทุกน้ำยาเคมีกลับไป การซื้อขายระหว่างโจทก์ร่วมกับบริษัทเชลล์แห่งประเทศไทยจำกัด จึงเป็นการซื้อขายโดยมีเงื่อนไขว่าโจทก์ร่วมจะรับมอบน้ำยาเคมีต่อเมื่อมีการตรวจสอบน้ำหนักและคุณภาพแล้วเช่นนี้กรรมสิทธิ์ในน้ำยาเคมีที่โจทก์ร่วมสั่งซื้อจากบริษัทเชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด จะตกเป็นของโจทก์ร่วมเมื่อมีการถ่ายน้ำยาเคมีจากรถบรรทุกสู่ถังเก็บน้ำยาของโจทก์ร่วมแล้วในวันเกิดเหตุได้ความว่าจำเลยซึ่งเป็นพนักงานขับรถบรรทุกของห้างหุ้นส่วนจำกัดไทยประเสริฐทรานสปอร์ตที่รับจ้างบริษัทเชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด ขนส่งน้ำยาเคมีมาให้โจทก์ร่วม ได้ขับรถบรรทุกน้ำยาเคมีมาที่โรงงานของโจทก์ร่วมแล้วชั่งน้ำหนักรถรวมกับน้ำยาเคมี ปรากฏว่าน้ำหนักขาดหายไปมาก ทางโจทก์ร่วมไม่อนุญาตให้เข้าไปถ่ายน้ำยาเคมีลงสู่ถังเก็บน้ำยาเคมีของโจทก์ร่วม จำเลยจึงขับรถกลับไป แสดงว่าโจทก์ร่วมยังไม่ได้รับมอบสินค้าน้ำยาเคมีที่โจทก์ร่วมสั่งซื้อกรรมสิทธิ์ในน้ำยาเคมียังคงเป็นของบริษัทเชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด ยังไม่โอนไปยังโจทก์ร่วมโจทก์ร่วมไม่เป็นผู้เสียหายที่จะดำเนินคดีแก่จำเลยได้เมื่อน้ำยาเคมีได้หายไป ดังนั้นโจทก์ย่อมไม่อาจเรียกให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์น้ำยาเคมีจำนวน 278,748 บาท แก่โจทก์ร่วมได้
พิพากษายืน

Share