แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับรายละเอียดของทรัพย์และจำนวนพร้อมทั้งราคาที่กล่าวหาว่าจำเลยเบียดบังเอาไปไว้ในคำฟ้องและบัญชีท้ายคำฟ้องครบถ้วนแล้ว จำนวนทรัพย์ตรงกัน คงมีแต่ราคาทรัพย์ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วมียอดเงินที่แตกต่างกันเท่านั้น แต่หาได้ทำให้ราคาทรัพย์แต่ละรายการที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยได้เบียดบังเอาไปแตกต่างไปจากคำฟ้องและบัญชีทรัพย์ท้ายคำฟ้องไม่ สำหรับคำขอให้จำเลยใช้ราคาทรัพย์จำนวนต่ำกว่าราคาทรัพย์ตามคำฟ้องและบัญชีทรัพย์ท้ายคำฟ้อง นับว่าเป็นคุณแก่จำเลยที่ไม่ต้องใช้ราคาทรัพย์มากกว่าที่โจทก์ขอ ส่วนทรัพย์ตามคำฟ้องแต่ละจำนวนจะมีราคาเท่าใด ก็ปรากฏชัดแจ้งในคำฟ้องและบัญชีทรัพย์ท้ายคำฟ้องอยู่แล้ว กรณีคืนทรัพย์ไม่ได้โดยต้องใช้ราคาทรัพย์นั้นก็คำนวณราคาจากทรัพย์ดังกล่าวได้ถือได้ว่าคำฟ้องโจทก์มีรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งของที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีตาม ป.วิ.อ.มาตรา 158(5)แล้ว คำฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกซึ่งยังไม่ได้ตัวมาฟ้องได้ร่วมกันกระทำผิดกฎหมายหลายกรรมต่างกันคือ จำเลยได้รับแต่งตั้งจากการประปาส่วนภูมิภาคให้เป็นลูกจ้างปฏิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่พัสดุซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม 2522 ถึงวันที่ 29 พฤษภาคม 2523 มีหน้าที่จัดการและครอบครองทรัพย์สินของการประปาส่วนภูมิภาคคือมาตรวัดน้ำ ขนาดเศษ 3 ส่วน 4 นิ้ว หมายเลขพี.เอ็ม.24649 พี.เอ็ม.41154 พี.เอ็ม.51183 ราคาเครื่องละ 645 บาทซึ่งเก็บรักษาไว้ที่คลังพัสดุการประปาหาดใหญ่ ในช่วงระยะเวลาดังกล่าววันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยได้เบียดบังเอามาตราวัดน้ำทั้ง 3 เครื่องดังกล่าวเป็นของจำเลยโดยทุจริต และเป็นการกระทำผิดหน้าที่โดยทุจริตจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของการประปาส่วนภูมิภาค ต่อมาจำเลยได้รับแต่งตั้งจากการประปาส่วนภูมิภาคให้เป็นพนักงานพัสดุการประปาหาดใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 2523 ถึงวันที่ 3 มิถุนายน2526 มีหน้าที่จัดการและรักษาทรัพย์ต่าง ๆ ของการประปาส่วนภูมิภาคซึ่งเก็บรักษาไว้ที่คลังพัสดุการประปาหาดใหญ่ ระหว่างวันที่ 30พฤษภาคม 2523 เวลากลางวัน ถึงวันที่ 3 มิถุนายน 2526 เวลากลางวันวันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยกับพวกได้เบียดบังเอาทรัพย์ดังต่อไปนี้เป็นของจำเลยโดยทุจริต คือมาตรวัดน้ำขนาดเศษ 3 ส่วน 4 นิ้วหมายเลข พี.เอ็ม.43032 ราคา 645 บาท ท่อและอุปกรณ์ประปา ราคา120,540 บาท น้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำกลั่น ราคา 16,986.90 บาทครุภัณฑ์ ราคา 7,251 บาท ตามบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องอันดับที่ 1 ถึง3 ตามลำดับ และมาตรวัดน้ำ 81 เครื่อง ตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำฟ้องอันดับที่ 4 และ 12 รวมราคา 39,205 บาท ระหว่างวันที่ 1 มกราคม2526 ถึงวันที่ 3 มิถุนายน 2526 เวลากลางวันวันเวลาใดไม่ปรากฏชัดจำเลยกับพวกได้เบียดบังเอามาตรวัดน้ำ 10 เครื่อง ตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำฟ้องอันดับที่ 5, 7, 8, และ 13 รวมราคา 5,146 บาท เป็นของจำเลยโดยทุจริต ระหว่างปลายปี 2525 ถึงวันที่ 3 มิถุนายน 2526เวลากลางวัน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยได้เบียดบังเอามาตรวัดน้ำ 5 เครื่อง ตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำฟ้องอันดับที่ 6 รวมราคา2,889 บาท (ที่ถูก 2,099) เป็นของจำเลยโดยทุจริตระหว่างวันที่1 กุมภาพันธ์ 2526 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2526 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัดจำเลยได้เบียดบังเอามาตรวัดน้ำ 1 เครื่อง ตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำฟ้องอันดับที่ 9 ราคา 482 บาท เป็นของจำเลยโดยทุจริต ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2526 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2526 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยได้เบียดบังเอามาตรวัดน้ำ 4 เครื่อง ตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำฟ้องอันดับที่ 10 รวมราคา 1,928 บาท เป็นของจำเลยโดยทุจริต ระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2526 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2526วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยได้เบียดบังเอามาตรวัดน้ำ 20 เครื่องตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำฟ้องอันดับที่ 11 รวมราคา 9,640 บาท เป็นของจำเลยโดยทุจริต และระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2526 ถึงวันที่ 3มิถุนายน 2526 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยได้เบียดบังเอามาตรวัดน้ำ 1 เครื่อง ตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำฟ้องอันดับที่ 14 ราคา482 บาท เป็นของจำเลยโดยทุจริต อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต เหตุเกิดที่ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147,151, 157, 352, 353, 83, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 3, 7, 13 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4พระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค พ.ศ. 2522 มาตรา 28 และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยักยอก รวม 149,760.90 บาท แก่เจ้าของทรัพย์
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 ให้จำคุกมีกำหนด 6 ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยักยอก 149,760.90 บาท แก่เจ้าของทรัพย์ ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยฎีกายกข้อโต้เถียงปัญหาประการแรกว่า คำฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะโจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับจำนวนหรือราคาทรัพย์ที่กล่าวหาว่าจำเลยยักยอกหรือเบียดบังเอาไปแตกต่างขัดกัน จำเลยไม่อาจเข้าใจและต่อสู้คดีได้ว่าทรัพย์รายการใดจำนวนเท่าใดและราคาคิดเป็นจำนวนเท่าใดที่กล่าวหาว่าจำเลยเบียดบังเอาไปและขอให้ใช้ราคา เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับรายละเอียดของทรัพย์และจำนวนทรัพย์พร้อมทั้งราคาที่กล่าวหาว่าจำเลยได้เบียดบังเอาไปไว้ในคำฟ้อง และบัญชีทรัพย์ท้ายคำฟ้องครบถ้วนแล้วจำนวนทรัพย์หาได้ขัดกันแต่อย่างใด ย่อมทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาความผิดตามคำฟ้องได้ดีแล้ว คงมีแต่ราคาทรัพย์ตามคำฟ้องเมื่อรวมกันแล้วมียอดจำนวนเงินแตกต่างกับราคาทรัพย์ตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำฟ้องไปบ้างเท่านั้น ซึ่งอาจเป็นเพราะโจทก์คำนวณราคาทรัพย์ตามคำฟ้องบางรายการผิดพลาดไปแล้วระบุไว้ในคำฟ้องและบัญชีทรัพย์ท้ายคำฟ้องเช่นนั้น ดังเช่นตามคำฟ้องที่ระบุว่าจำเลยได้เบียดบังเอามาตรวัดน้ำ5 เครื่อง ตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำฟ้องอันดับที่ 6 รวมราคา 2,889 บาทแต่เมื่อคำนวณราคามาตรวัดน้ำ 5 เครื่อง ตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำฟ้องอันดับที่ 6 แล้วคงเป็นเงินเพียง 2,099 บาท เท่านั้น และตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำฟ้องอันดับที่ 6 ที่ระบุว่ารวมราคา 8,099 บาททั้งคำฟ้องและบัญชีทรัพย์ท้ายคำฟ้องในส่วนที่เกี่ยวกับทรัพย์ดังกล่าวจึงเป็นจำนวนเงินที่คำนวณผิดพลาดไว้ ทำให้ยอดรวมราคาทรัพย์ตามคำฟ้องและบัญชีทรัพย์ท้ายคำฟ้องแตกต่างกันไปบ้าง แต่หาได้ทำให้ราคาทรัพย์แต่ละรายการที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยได้เบียดบังเอาไปแตกต่างไปจากคำฟ้องและบัญชีทรัพย์ท้ายคำฟ้องแต่อย่างใด สำหรับที่โจทก์ขอให้จำเลยใช้ราคาทรัพย์เป็นเงิน 149,760.90บาท แก่เจ้าทรัพย์ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ต่ำกว่าราคาทรัพย์ตามคำฟ้องและบัญชีทรัพย์ท้ายคำฟ้องนั้น ก็นับว่าเป็นคุณแก่จำเลยที่ไม่ต้องใช้ราคาทรัพย์มากกว่าที่โจทก์ขอส่วนทรัพย์ตามคำฟ้องแต่ละจำนวนจะมีราคาเท่าใดก็ปรากฏชัดแจ้งในคำฟ้องและบัญชีทรัพย์ท้ายคำฟ้องอยู่แล้ว กรณีคืนทรัพย์ไม่ได้โดยต้องใช้ราคาทรัพย์นั้นก็คำนวณราคาจากทรัพย์ดังกล่าวแล้วได้ ถือได้ว่าคำฟ้องโจทก์มีรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งของที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) คำฟ้องโจทก์จึงหาเคลือบคลุมไม่…”
พิพากษายืน.