คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4964/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อตามคำฟ้องและคำให้การของจำเลยทั้งสาม ไม่อาจฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติได้ว่า จำเลยทั้งสามกระทำการโดยสุจริตหรือคบคิดกันฉ้อโกงโจทก์หรือไม่ ศาลต้องฟังพยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยทั้งสามก่อน การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบโจทก์และจำเลยทั้งสามจึงเป็นการมิชอบ
โจทก์กล่าวในคำฟ้องด้วยว่า จำเลยทั้งสามสมคบกันทำสัญญาซื้อขายเป็นการฉ้อฉลโจทก์ อันหมายถึงการกระทำโดยไม่สุจริตหรือฉ้อโกงโจทก์นั่นเอง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 โอนขายทรัพย์มรดกให้แก่จำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นการกระทำโดยสุจริตหรือไม่ จึงมิได้เป็นการวินิจฉัยคดีนอกฟ้อง

Share