คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4959/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ตายกับพวกประมาณ 10 คน ก่อเหตุขึ้นก่อน โดยบางคนมีไม้และค้อนเป็นอาวุธเข้ารุมทำร้ายจำเลยที่ 1 เพียงคนเดียว ถือได้ว่าเป็นภยันตรายร้ายแรงซึ่งอาจทำให้จำเลยที่ 1 ถึงแก่ความตายได้ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1 ใช้มีดแทงผู้ตายไปเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในขณะที่กำลังชุลมุนกันอยู่และบังเอิญมีดไปถูกที่หน้าอกผู้ตายซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญผู้ตายจึงถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยที่ 1จึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 289, 83
จำเลยที่ 1 ให้การต่อสู้อ้างเหตุป้องกัน จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 68, 69 ขณะกระทำความผิดจำเลยที่ 1 อายุ 19 ปี มีความรู้รับผิดชอบดีแล้ว ไม่สมควรลดมาตราส่วนโทษให้ลงโทษจำคุก 15 ปี จำเลยที่ 1 เข้ามอบตัวต่อเจ้าพนักงานตำรวจ และให้การเป็นประโยชน์แก่การพิจารณานับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามมาตรา 78 คงจำคุก10 ปี ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ส่วนคำขออื่นให้ยก
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 ด้วยนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เหตุคดีนี้เกิดจากการที่ผู้ตายกับพวกประมาณ 10 คน ก่อเหตุขึ้นก่อน โดยบางคนมีไม้และค้อนเป็นอาวุธเข้ารุมทำร้ายจำเลยที่ 1 เพียงคนเดียว ถือได้ว่าเป็นภยันตรายร้ายแรงซึ่งอาจทำให้จำเลยที่ 1 ถึงแก่ความตายได้ดังนั้นการที่จำเลยที่ 1 ใช้มีดแทงผู้ตายไปเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในขณะที่กำลังชุลมุนกันอยู่และบังเอิญมีดไปถูกที่หน้าอกผู้ตายซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญ ผู้ตายจึงถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยที่ 1 เช่นนี้เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
พิพากษายืน

Share