คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 41/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่จำเลยที่ 3 ยอมนำที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างไปจำนองแก่ผู้คัดค้าน ทั้งที่จำเลยที่ 3 มิได้เกี่ยวข้องเป็นญาติกับผู้คัดค้านโดยตรง เป็นแต่เพียงเป็นญาติในทางแต่งงานกับพี่สาวผู้คัดค้านเท่านั้น ประกอบกับผู้คัดค้านมีครอบครัวแล้ว และต่างก็ประกอบอาชีพเป็นหลักฐานแยกจากกัน จำนวนเงินที่จำนองไม่สูงกว่าราคาทรัพย์ที่จำนอง จึงฟังได้ว่าผู้คัดค้านกับจำเลยที่ 3 มีหนี้สินระหว่างกันจริง และไม่ได้สมยอมกันจดทะเบียนจำนองที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้าง.

ย่อยาว

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามให้ล้มละลาย เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2528 ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสามเด็ดขาดเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2528 ทางสอบสวนของผู้ร้องได้ความว่า จำเลยที่ 3 ได้จดทะเบียนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 116052 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ให้แก่ผู้คัดค้านซึ่งเป็นน้องภริยาของจำเลยที่ 3 เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม2527 ภายในระยะเวลา 3 ปี ก่อนฟ้องล้มละลาย โดยผู้คัดค้านรู้อยู่ว่าจำเลยที่ 3 เป็นบุคคลมีหนี้สินล้นพ้นตัว เป็นการกระทำโดยไม่สุจริตและไม่มีค่าตอบแทน ขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการจำนองตามพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 114 ให้ผู้คัดค้านไปจดทะเบียนเพิกถอนการจำนอง มิฉะนั้นให้ถือคำสั่งศาลเป็นการแสดงเจตนา
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า จำเลยที่ 3 ได้กู้ยืมเงินจากผู้คัดค้านไปหลายครั้งรวมเป็นเงินประมาณ 1,000,000 บาท จึงจดทะเบียนจำนองที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่ผู้คัดค้าน ขณะจดทะเบียนจำนองทรัพย์พิพาทจำเลยที่ 3 ไม่ใช่บุคคลมีหนี้สินล้นพ้นตัว แต่ต่อมาจำเลยที่ 3 ไปค้ำประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 จึงถูกฟ้องเป็นคดีล้มละลาย ปัจจุบันที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่จำนองมีราคาสูงกว่าวงเงินจำนองมากไม่ทำให้เจ้าหนี้รายอื่นเสียหาย ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้เพิกถอนการจดทะเบียนจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินตามโฉนดเลขที่ 116052 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ระหว่างจำเลยที่ 3 กับผู้คัดค้าน ให้ผู้คัดค้านไปจดทะเบียนเพิกถอนการจำนองภายใน 1 เดือน นับแต่วันฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ มิฉะนั้นให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เป็นการแสดงเจตนาของผู้คัดค้าน
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ผู้คัดค้านมีตัวผู้คัดค้านเบิกความว่า เมื่อปี พ.ศ. 2525 จำเลยที่ 3 เคยขอยืมเงินผู้คัดค้านโดยนำเช็คของจำเลยที่ 3 และเช็คของลูกค้ามาแลกเงินสด ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2527 จำเลยที่ 3 สั่งจ่ายเช็คและนำเช็คลูกค้ามาแลกเงินสดจากผู้คัดค้าน เมื่อรวมแล้วเป็นหนี้ผู้คัดค้านอยู่ 1,000,000 บาทเศษจึงได้จำนองที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้ เห็นว่า แม้ผู้คัดค้านจะมีหลักฐานการเป็นหนี้แต่เพียงเช็คเอกสารหมาย ค.2 ถึง ค.6 ซึ่งรวมจำนวนเงินไม่ถึง 1,000,000 บาท และไม่นำสืบให้เห็นว่าเช็คลูกค้าของจำเลยที่ 3 ที่เรียกเก็บเงินไม่ได้มีจำนวนเท่าใดก็ตาม แต่การที่จำเลยที่ 3 ยอมนำที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างไปจำนองให้เป็นเงิน1,000,000 บาท ทั้ง ๆ ที่จำเลยที่ 3 มิได้เกี่ยวข้องเป็นญาติกับผู้คัดค้านโดยตรง เป็นแต่เพียงเป็นญาติในทางแต่งงานกับพี่สาวผู้คัดค้านเท่านั้น ประกอบกับผู้คัดค้านมีครอบครัวแล้ว และต่างก็ประกอบอาชีพเป็นหลักฐานแยกจากกัน จำนวนเงินที่จำนองไม่สูงกว่าราคาทรัพย์ที่จำนอง หากผู้คัดค้านและจำเลยที่ 3 สมยอมกันน่าจะจดทะเบียนจำนองเป็นจำนวนเงินมากกว่าที่ทำไว้ เพียงแค่การเป็นญาติกันดังกล่าวไม่มีเหตุเพียงพอที่ผู้คัดค้านกับจำเลยที่ 3 จะกระทำการจดทะเบียนจำนองเกินกว่าหนี้สินที่แท้จริง จึงฟังได้ว่าผู้คัดค้านกับจำเลยที่ 3 มีหนี้สินระหว่างกันจริงและไม่ได้สมยอมกันจดทะเบียนจำนองที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ในปัญหาที่ว่าผู้คัดค้านสุจริตคือทราบหรือไม่ว่าจำเลยที่ 3 มีหนี้สินล้นพ้นตัว ได้ความว่าโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 3 ให้ล้มละลายโดยอาศัยมูลหนี้ที่จำเลยที่ 3 ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ผู้คัดค้านจึงยากที่จะทราบได้ว่าจำเลยที่ 3 ไปก่อหนี้ดังกล่าว แม้ภริยาจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นพี่สาวของผู้คัดค้านก็อาจไม่ทราบถึงการก่อหนี้ดังกล่าวก็เป็นได้ นอกจากนี้จำเลยที่ 3 มีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในเขตกรุงเทพมหานคร 7 รายการ ปรากฏตามเอกสารหมาย ช.ร.1 ซึ่งมีราคาสูง ในสายตาบุคคลภายนอกจะไม่ทราบว่าผู้คัดค้านมีหนี้สินล้นพ้นตัว ผู้คัดค้านเป็นบุคคลนอกครอบครัวของจำเลยที่ 3 แม้พี่สาวผู้คัดค้านจะเป็นภริยาจำเลยที่ 3 แต่เกี่ยวกับปัญหาทางการเงินของจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 ซึ่งทำธุรกิจทางการค้าย่อมปิดบังไม่ยอมให้ผู้คัดค้านหรือผู้อื่นทราบ เพราะอาจทำให้เสียความเชื่อถือได้ เชื่อว่าผู้คัดค้านไม่ทราบว่าจำเลยที่ 3 มีหนี้สินล้นพ้นตัว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้คัดค้านรับจำนองที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างไว้ โดยมีค่าตอบแทนและโดยสุจริต ไม่มีเหตุให้เพิกถอนการจำนองที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาผู้คัดค้านฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้อง.

Share