แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่โดยอ้างมาในคำร้องขอว่า ถ้าจำเลยทราบว่าถูกโจทก์ฟ้องจะสามารถนำพยานหลักฐานมาสืบหักล้างพยานโจทก์ศาลต้องมีคำพิพากษาให้จำเลยชนะคดีแน่นอนเพราะสัญญาเช่ายังไม่หมดอายุและจำเลยไม่เคยผิดนัดชำระค่าเช่าหรือผิดสัญญาเช่าข้อหนึ่งข้อใดนั้นเป็นคำร้องขอที่ไม่มีรายละเอียดชัดแจ้งว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยแพ้คดีไม่ชอบอย่างไร แม้จะกล่าวมาด้วยว่าจำเลยขอคัดค้านคำพิพากษาของศาลก็เป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ หาได้คัดค้านในเนื้อหาแห่งคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นว่าไม่ถูกต้องอย่างไร หากได้พิพากษาคดีใหม่แล้วจำเลยจะชนะคดีได้อย่างไร ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคท้าย
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้รื้อถอนบ้านเลขที่140/3 และขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดินพิพาทของโจทก์และเรียกค่าเสียหาย จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนบ้านตามฟ้องและให้ชดใช้ค่าเสียหาย ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่ว่า จำเลยเช่าที่ดินพิพาทจากนางอรุณมีกำหนดเวลาเช่า 3 ปี สัญญาเช่ายังไม่ครบกำหนด จำเลยไม่ทราบว่านางอรุณโอนขายที่ดินพิพาทให้โจทก์มาก่อน จำเลยเพิ่งทราบว่าจำเลยถูกโจทก์ฟ้องจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์ ไม่เคยได้รับหมายเรียกและหมายนัดของศาลจำเลยขอคัดค้านคำพิพากษาของศาล ถ้าจำเลยทราบว่าถูกโจทก์ฟ้อง จะสามารถนำพยานหลักฐานมาสืบหักล้างพยานโจทก์ จำเลยต้องชนะคดีแน่นอน เพราะสัญญาเช่ายังไม่หมดอายุและไม่เคยผิดนัดชำระค่าเช่าหรือผิดสัญญาเช่าข้อใด
โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านว่า จำเลยทราบว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินพิพาทและได้บอกเลิกการเช่าแล้ว ก่อนฟ้องโจทก์ได้ส่งตัวแทนไปเจรจาค่าทดแทนในการรื้อถอนกับจำเลย จำเลยไม่มีเหตุผลที่จะทำให้ผลของคำพิพากษาเปลี่ยนแปลงไป และไม่มีทางชนะคดีโจทก์ ทั้งคำร้องขอของจำเลยมิได้ให้เหตุผลว่าคำพิพากษาของศาลไม่ถูกต้องและไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร จึงเป็นคำร้องขอที่ไม่ชอบ ขอให้ยกคำร้องขอ
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าคำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคท้าย แล้วนั้น เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยเช่าที่ดินพิพาทบางส่วนปลูกบ้านอยู่อาศัยจากนางอรุณ ทรงสอาดเจ้าของเดิม และสัญญาเช่าครบกำหนดแล้ว ต่อมาเมื่อโจทก์ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทก็ได้บอกเลิกสัญญาเช่า โดยให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายออกไปจากที่ดินพิพาท จำเลยเพิกเฉย จึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์ การที่จำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่โดยอ้างมาในคำร้องขอว่า ถ้าจำเลยทราบว่าถูกโจทก์ฟ้องจะสามารถนำพยานหลักฐานมาสืบหักล้างพยานโจทก์ ศาลต้องมีคำพิพากษาให้จำเลยชนะคดีแน่นอนเพราะสัญญาเช่ายังไม่หมดอายุ และจำเลยไม่เคยผิดนัดชำระค่าเช่าหรือผิดสัญญาเช่าข้อหนึ่งข้อใดนั้น เป็นคำร้องขอที่ไม่มีรายละเอียดชัดแจ้งว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยแพ้คดีไม่ชอบอย่างไรแม้จะกล่าวมาด้วยว่าจำเลยขอคัดค้านคำพิพากษาของศาลก็เป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ หาได้คัดค้านในเนื้อหาแห่งคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นว่าไม่ถูกต้องอย่างไร หากได้พิพากษาคดีใหม่แล้วจำเลยจะชนะคดีได้อย่างไร ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคท้ายที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามาชอบแล้ว
พิพากษายืน