แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้ศาลจะพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมายที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดที่จำเลยกระทำนั้น พร้อมกับเพิ่มโทษตาม
ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 72 แล้วก็ตาม ถ้าปรากฎว่าจำเลยเป็นผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายแล้ว ศาลก็เพิ่มโทษกักกันขึ้นอีกโสดหนึ่ง.
โทษกักกันเป็นโทษเพิ่มสถานหนึ่งต่างหากจากโทษ อันเป็นฐานความผิดจึงจะลดโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา
59 ไม่ได้./
(อ้างฎีกาที่ 1387/2495)
ย่อยาว
คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๙๓, – ๒๙๗ ให้จำคุกจำเลย ๓ ปี เพิ่มโทษ
ตามมาตรา ๗๒ อีกหนึ่งในสาม ลดฐานปราณีตามมาตรา ๕๙ กึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๒ ปี เมื่อพ้นโทษจำคุกแล้ว ให้ส่งตัวไปกัก
กันอีก ๕ ปี ตาม พ.ร.บ. กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ. ๒๔๗๙ มาตรา ๘ – ๙.
จำเลยอุทธรณ์,
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาข้อกฎหมายว่า ศาลได้เพิ่มโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๗๒ แล้ว จะเพิ่มโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.
กักกันอีกไม่ได้
ศาลฎีกาเห็นว่า ตาม พ.ร.บ. กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย มาตรา ๙ บัญญัติไว้ชัดแล้วว่าในกรณีที่ปรากฎว่าผู้ใดเป็นผู้มี
สันดานเป็นผู้ร้าย ให้ศาลพิพากษาลงอาญาแก่ผู่นั้นตาม กฎหมายที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้นเสียชั่นหนึ่งก่อน แล้ว
จึงพิพากษาให้เพิ่มโทษกักกันขึ้นอีกโสดหนึ่ง.
ส่วนที่จำเลยขอให้ลดโทษกักกันตามมาตรา ๕๙ แห่ง ก.ม.ลักษณะอาญา นั้น ศาลฎีกาได้เคยวินิจฉัยไว้ในคดีที่ ๑๓๘๗/
๒๔๙๕ แล้ว ว่าจะลดโทษาตามมาตรา ๕๙ ไม่ได้.
คงพิพากษายืน.