คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 169/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องเรียกที่ดินของบิดา(ซึ่งตกเป็นมรดกได้แก่ตน)จากอาผู้ยึดถือที่ดินนั้นไว้ นั้นไม่ใช่เป็นคดีฟ้องขอแบ่งมรดก จำเลยผู้เป็นอาโจทก์และเป็นน้องผู้ตายย่อมไม่มีสิทธิรับมรดกของผู้ตาย จำเลยจึงจะยกอายุความมรดกขึ้นต่อสู้โจทก์หาได้ไม่

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องเรียกนาพิพาทจากจำเลยผู้เป็นอา โดยอ้างว่าเป็นมรดกของบิดาโจทก์ตกได้แก่โจทก์

จำเลยต่อสู้ว่า บิดาโจทก์ขายนาพิพาทแก่จำเลยประมาณ 30 ปีแล้วและตัดฟ้องว่า คดีขาดอายุความมรดก

ศาลชั้นต้นเชื่อว่า บิดาโจทก์ขายนาพิพาทแก่จำเลยจริงจึงพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยคืนนาพิพาทให้โจทก์ ฯลฯ

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า บิดาโจทก์ไม่ได้ขายนาพิพาทให้จำเลยจำเลยครอบครองนาพิพาท โดยอาศัยสิทธิของบิดาโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยคืนนาพิพาทให้โจทก์ชอบแล้ว

ที่จำเลยยกอายุความมรดกขึ้นตัดฟ้องโจทก์นั้น หาฟังได้ไม่เพราะคดีนี้ไม่ใช่เรื่องโจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกบิดาจากจำเลยแต่เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องเรียกนาของบิดาโจทก์ ซึ่งจำเลยยึดถือไว้อนึ่งจำเลยเป็นน้อง จึงหามีสิทธิได้รับมรดกของบิดาโจทก์ไม่จึงยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์ไม่ได้ ฯลฯ

จึงพิพากษายืน

Share