คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4947/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยเพียงแต่ร้องบอกว่า “เอามันให้ตายเลย” แล้วพวกของจำเลยได้ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายนั้น เป็นการที่จำเลยก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 84 แต่เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกับพวกเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาจึงแตกต่างกับคำฟ้องในสาระสำคัญอย่างมากตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง จะลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิดไม่ได้ แต่การที่จำเลยร้องบอกดังกล่าว ถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ศาลมีอำนาจลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนได้
ผู้เสียหายได้รับบาดแผลฟกช้ำที่ใบหน้าด้านซ้ายเพียงแห่งเดียวแพทย์ลงความเห็นว่ารักษาประมาณ 7 วัน ยังถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 ผู้กระทำความผิดคงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 จำเลยเป็นผู้สนับสนุนความผิดดังกล่าวอันเป็นความผิดลหุโทษ จึงไม่ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 106

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ฐานทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำการตามหน้าที่หรือเพราะได้กระทำการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๖, ๒๙๕, ๒๙๖
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๓๖ ลงโทษจำคุก ๑ เดือน และตามมาตรา ๒๙๖ ลงโทษจำคุก ๓ เดือน รวมจำคุก ๔ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๙๑, ๘๖ แต่ไม่ต้องรับโทษตามมาตรา ๑๐๖ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๖
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยด่าผู้เสียหายแล้วร้องว่า “เอามันให้ตายเลย” แล้วมีชายคนหนึ่งเข้าไปใช้เท้าถีบถูกบริเวณกลางหลังและใช้มือชกต้นคอด้านหลังของผู้เสียหาย ชายอีกคนหนึ่งได้ใช้มือชกด้านหน้าผู้เสียหาย ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้เข้าร่วมกับพวกทำร้ายร่างกายผู้เสียหายด้วยแต่อย่างใด ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ร่วมกับพวกทำร้ายร่างกายผู้เสียหายด้วยแต่อย่างใด การที่จำเลยร้องบอกว่าเอามันให้ตายเลย แล้วพวกของจำเลยเข้าไปทำร้ายร่างกายผู้เสียหายนั้น ถือได้ว่าจำเลยก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดด้วยการยุยงส่งเสริม และผู้ถูกยุยงส่งเสริมได้กระทำความผิดนั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๘๔ เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาเป็นเรื่องที่จำเลยเป็นผู้ก่อให้พวกของจำเลยกระทำความผิด แต่โจทก์กล่าวในฟ้องยืนยันว่าจำเลยกับพวกเป็นผู้ร่วมกระทำผิดด้วยกัน จึงเป็นการแตกต่างกันในสาระสำคัญอย่างมากย่อมลงโทษจำเลยไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒ วรรคสอง แต่การร้องบอกของจำเลยดังกล่าวยังถือได้ว่าเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๖ ซึ่งศาลมีอำนาจลงโทษได้ ปัญหาต่อไปมีว่าการที่พวกของจำเลยทำร้ายร่างกายผู้เสียหายนั้นเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕ หรือไม่เพียงใด ข้อนี้ได้ความว่า ผู้เสียหายได้รับบาดแผลฟกช้ำที่หน้าด้านซ้ายเพียงแห่งเดียว แพทย์ที่ตรวจบาดแผลของผู้เสียหายลงความเห็นว่ารักษาประมาณ ๗ วัน ปรากฏตามรายงานผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้อง โจทก์ไม่ได้นำสืบแพทย์ผู้ตรวจชันสูตรบาดแผลของผู้เสียหายให้เห็นว่าผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บจากการถูกทำร้ายมากกว่านี้ เช่นนี้จึงยังฟังไม่ได้ว่าผู้เสียหายถูกทำร้ายจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕ คงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๙๑ เท่านั้น ดังนั้นการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๖ ดังที่โจทก์ฎีกา แต่เป็นความผิดฐานสนับสนุนการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๙๑ อันเป็นความผิดลหุโทษซึ่งผู้สนับสนุนไม่ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๐๖
พิพากษายืน

Share