แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยมีความผิด จำเลยฎีกาโดยอ้างคำพิพากษาศาลชั้นต้น และว่าจำเลยไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จึงขอฎีกาโดยขอถือเอาคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นข้อฎีกาของจำเลย ดังนี้ฎีกาของจำเลยมิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริง หรือข้อกฎหมายอย่างไร เพียงแต่ขอถือเอาคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นข้อฎีกาของจำเลยถือได้ว่าเป็นฎีกาที่ไม่ชัดเจน ไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคสอง,195,225 ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 288, 295
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่าฝ่ายจำเลยกับพวกและฝ่ายพวกผู้เสียหายได้เข้าต่อสู้ทำร้ายซึ่งกันและกัน และข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าผู้ใดเป็นผู้ทำร้ายนายยศหรือยศติศักดิ์ ผู้ตายจนถึงแก่ความตาย จึงเป็นเรื่องชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปและมีบุคคลถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 294 ซึ่งบทมาตรานี้โจทก์มิได้ขอมาเป็นเรื่องโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ จึงลงโทษจำเลยไม่ได้และข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ชกต่อยนายวรชินผู้เสียหาย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290, 83 ให้จำคุกคนละ 4 ปี
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยไม่เจตนาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 290 จำเลยทั้งสามฎีกาโดยอ้างคำพิพากษาศาลชั้นต้น และว่าจำเลยทั้งสามไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จึงขอฎีกาโดยขอถือเอาคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นข้อฎีกาของจำเลยทั้งสาม
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ฎีกาของจำเลยทั้งสามมิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริง หรือข้อกฎหมายอย่างไร เพียงแต่ขอถือเอาคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นข้อฎีกาของจำเลยทั้งสาม ถือได้ว่าเป็นฎีกาที่ไม่ชัดเจนไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคสอง, 195, 225 ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาจำเลยทั้งสาม