แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยอ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินพิพาท จำเลยให้การว่า จำเลยอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของ ส. ที่พิพาทเป็นของ ส. มิใช่ของโจทก์ เป็นการยกข้อต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของบุคคลอื่นจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยต่อสู้กรรมสิทธิ์ ส่วนคำให้การของจำเลยในตอนท้ายที่ว่า จำเลยและ ส. ได้ครอบครองที่พิพาทโดยสงบ เปิดเผยและมีเจตนาเป็นเจ้าของเกินกว่า 10 ปีแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยเป็นคำให้การที่ไม่ชัดแจ้งขัดแย้งกันเอง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง แต่เป็นคำให้การที่เข้าใจได้ว่า จำเลยปฏิเสธฟ้องโจทก์โดยสิ้นเชิง และเป็นเพียงข้อเถียงข้อกล่าวหาของโจทก์ว่าจำเลยมิได้บุกรุกที่พิพาทตามคำฟ้องเท่านั้น จะแปลว่าเป็นคำให้กาที่ต่อสู้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทมิได้ เพราะจำเลยให้การว่าอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของบุคคลอื่น จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ไม่อยู่ในอำนาจศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษา
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้นว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 101958 เนื้อที่ดิน 2 ไร่ 3 งาน 36 ตารางวา เมื่อประมาณต้นปี 2546 จำเลยได้บุกรุกเข้ามาถมดินปลูกสร้างบ้านเรือนในที่ดินดังกล่าวบางส่วนทางด้านทิศตะวันตก เนื้อที่ประมาณ 1 งาน โจทก์เสียหายเพราะไม่อาจใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวซึ่งสามารถให้เช่าได้เดือนละไม่น้อยกว่า 5,000 บาท โจทก์ได้แจ้งให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์แล้ว จำเลยเพิกเฉยขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนยายทรัพย์สินพร้อมบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์ และห้ามจำเลยกับบริวารเกี่ยวข้องในที่ดินของโจทก์อีกต่อไป ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำฟ้อง
จำเลยให้การว่า จำเลยอยู่ในที่พิพาทมาไม่ต่ำกว่า 30 ปี โดยอาศัยอยู่ตามสิทธิของนายสวาท เก่าจอหอ ญาติจำเลย ที่พิพาทเป็นของนายสวาท มิใช่ที่ดินของโจทก์ จำเลยมิได้บุกรุกที่ดินโจทก์ การออกโฉนดที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ไม่ถูกต้องซึ่งนายสวาทกำลังดำเนินการรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินการฟ้องขอให้เพิกถอนการออกโฉนดที่ดินของโจทก์ จำเลยและนายสวาทได้ครอบครองที่พิพาทโดยสงบ เปิดเผย และมีเจตนาเป็นเจ้าของเกินกว่า 10 ปีแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยออกจากที่พิพาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำให้การจำเลยและเห็นว่า จำเลยให้การต่อสู้โดยอ้างกรรมสิทธิ์เป็นคดีมีทุนทรัพย์ ให้คู่ความตรวจสอบราคาประเมินที่พิพาทเพื่อกำหนดค่าขึ้นศาล ต่อมาโจทก์ส่งหนังสือรับรองราคาประเมินที่ดินของสำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคดีมีทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกิน 300,000 บาท ไม่อยู่ในเขตอำนาจพิจารณาของศาลชั้นต้น จึงมีคำสั่งให้โอนคดีไปยังศาลแขวงนครราชสีมา
ศาลแขวงนครราชสีมามีคำสั่งว่า คดีนี้เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ไม่อยู่ในอำนาจของศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษา ให้โอนสำนวนคืนศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นนัดพร้อมและมีคำสั่งว่าคดีที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นคดีปลดเปลื้องความรับผิดอันอาจคำนวณเป็นราคาทรัพย์ได้ จึงไม่รับฟ้องโจทก์ ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ คืนค่าธรรมเนียมแก่โจทก์
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยอ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 101958 เลขที่ดิน 1048 ตำบลจอหอ อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา จำเลยให้การว่า จำเลยอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของนายสวาท เก่าจอหอ ญาติจำเลย ที่พิพาทเป็นของนายสวาทมิใช่ที่ดินของโจทก์ ข้อต่อสู้ตามคำให้การจำเลยจึงเป็นการยกข้อต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของบุคคลอื่นซึ่งยินยอมให้จำเลยอยู่ในที่พิพาทจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยต่อสู้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาท ส่วนคำให้การของจำเลยในตอนท้ายที่ว่า จำเลยและนายสวาทได้ครอบครองที่พิพาทโดยสงบ เปิดเผย และมีเจตนาเป็นเจ้าของเกินกว่า 10 ปีแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยออกจากที่พิพาทเป็นคำให้การที่ไม่ชัดแจ้งขัดแย้งกันเอง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง แต่เป็นคำให้การที่เข้าใจได้ว่า จำเลยปฏิเสธฟ้องโจทก์โดยสิ้นเชิง และเป็นเพียงข้อเถียงข้อกล่าวหาของโจทก์ว่าจำเลยมิได้บุกรุกที่พิพาทตามคำฟ้องเท่านั้น จะแปลว่าเป็นคำให้การที่ต่อสู้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทมิได้ เพราะจำเลยให้การว่า อยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของบุคคลอื่น เมื่อคำให้การของจำเลยมิได้ยกข้อต่อสู้เรื่องกรรมสิทธิ์ดังที่ได้วินิจฉัยมาแล้ว คดีของโจทก์จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีของโจทก์เป็นคดีมีทุนทรัพย์และมีคำสั่งไม่รับฟ้องโจทก์และจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความของศาลชั้นต้นโดยเห็นว่าเป็นคดีมีทุนทรัพย์ที่พิพาทกันไม่เกิน 300,000 บาทนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับคำฟ้องและจำหน่ายคดีจากสารบบความและคืนค่าธรรมเนียมแก่โจทก์ ให้ศาลชั้นต้นรับคำฟ้องและยกคดีขึ้นพิจารณาพิพากษาตามรูปคดีต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นี้ให้เป็นพับ.