คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1142-1143/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 5 แผนกคดีผู้บริโภคย่อมเป็นที่สุดตามพ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.2551 มาตรา 49 วรรคสอง และหากคู่ความประสงค์ยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 แผนกคดีผู้บริโภคจำต้องทำเป็นคำร้องเพื่อขออนุญาตฎีกาและยื่นมาพร้อมกับฎีกาต่อศาลชั้นต้น แล้วให้ศาลชั้นต้นส่งคำร้องพร้อมฎีกาไปยังศาลฎีกาเพื่อพิจารณาสั่งต่อไปตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.2551 มาตรา 51 แต่คดีนี้จำเลยไม่ได้ยื่นคำร้องเพื่อขออนุญาตฎีกามาพร้อมกับฎีกาด้วย เป็นการขัดต่อบทบัญญัติดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบ อีกทั้งบทบัญญัติอันว่าด้วยการฎีกาตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.2551 เป็นบทบัญญัติพิเศษที่กำหนดให้ศาลฎีกาเท่านั้นที่มีอำนาจพิจารณาสั่งอนุญาตให้ฎีกาและรับฎีกา การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยบทบัญญัติมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ต้องยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่รับฎีกาและมีคำสั่งใหม่ให้ถูกต้อง

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวนนี้ศาลชั้นต้นสั่งให้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกัน โดยให้เรียกโจทก์ในสำนวนแรกซึ่งเป็นจำเลยในสำนวนหลังว่า โจทก์ และเรียกจำเลยในสำนวนแรกซึ่งเป็นโจทก์ในสำนวนหลังว่า จำเลย
สำนวนแรกโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยดำเนินการไถ่ถอนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 24035 ตำบลป่าซาง อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา คืนแก่โจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
สำนวนหลังจำเลยฟ้องขอให้บังคับโจทก์ชำระเงิน 1,123,195.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 13 ต่อปี ของต้นเงิน 400,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลย ถ้าไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่จำเลย หากไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของโจทก์ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่จำเลยจนครบ
โจทก์ให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชำระเงิน 400,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 13 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 27 กรกฎาคม 2552) ย้อนหลังไปไม่เกิน 5 ปี กับดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 13 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลย ถ้าไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 24035 ตำบลป่าซาง อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่จำเลย หากไม่พอ ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของโจทก์ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่จำเลยจนครบ กับให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความ 4,000 บาท ให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนฟ้องของโจทก์ให้เป็นพับ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีของทั้งสองฝ่ายให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 แผนกคดีผู้บริโภคพิพากษากลับ ให้จำเลยดำเนินการไถ่ถอนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 24035 ตำบลป่าซาง อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา ให้แก่โจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ให้ยกฟ้องจำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์ทั้งสองสำนวนให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภควินิจฉัยว่า คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 5 แผนกคดีผู้บริโภคย่อมเป็นที่สุดตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.2551 มาตรา 49 วรรคสอง และหากคู่ความประสงค์ยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 แผนกคดีผู้บริโภคก็จำต้องทำเป็นคำร้องเพื่อขออนุญาตฎีกาและยื่นมาพร้อมกับฎีกาต่อศาลชั้นต้น แล้วให้ศาลชั้นต้นส่งคำร้องดังกล่าวพร้อมกับฎีกาไปยังศาลฎีกาเพื่อพิจารณาสั่งต่อไปตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.2551 มาตรา 51 แต่คดีนี้จำเลยไม่ได้ยื่นคำร้องเพื่อขออนุญาตฎีกามาพร้อมกับฎีกาด้วย เป็นการขัดต่อบทบัญญัติดังกล่าวข้างต้น จึงเป็นการไม่ชอบ อีกทั้งบทบัญญัติอันว่าด้วยการฎีกาตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.2551 เป็นบทบัญญัติพิเศษที่กำหนดให้ศาลฎีกาเท่านั้นที่มีอำนาจพิจารณาสั่งอนุญาตให้ฎีกาและรับฎีกา การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยบทบัญญัติมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว จึงต้องยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้รับฎีกา และเห็นสมควรมีคำสั่งใหม่ให้ถูกต้องไปเสียทีเดียว
พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้รับฎีกาของจำเลย และไม่รับฎีกาของจำเลย คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดแก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมอื่นในชั้นฎีกาทั้งสองสำนวนนอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ

Share