คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 471/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยได้เข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ผ่านการตรวจของ เจ้าพนักงานและไม่ได้เดินทางเข้ามาตามช่องทางซึ่งรัฐมนตรีกำหนดไว้ตามกฎหมาย(จำเลยฎีกาว่าจำเลยได้เข้ามาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว คดีของโจทก์ขาดอายุความ) และจำเลยได้อยู่ในประเทศไทยโดยมิได้รับอนุญาตตลอดมาจนถึงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2509 เป็นเวลาถึง 10 ปีแล้วก็ตาม ก็ถือได้ว่าจำเลยได้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2493 มาตรา 21 (โจทก์ฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 11กันยายน 2510) ดังนี้ คดีจึงไม่ขาดอายุความตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองพ.ศ. 2493 มาตรา 58 ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นคนต่างด้าวเชื้อชาติอินเดีย สัญชาติอินเดียได้บังอาจเข้ามาในพระราชอาณาจักรไทยโดยไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง แล้วแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งเจ้าพนักงานผู้กระทำตามหน้าที่ได้จดข้อความอันเป็นเท็จตามที่จำเลยแจ้งลงในเอกสารราชการการกระทำของจำเลยก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๗, ๒๖๗ และพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๔๙๓ มาตรา ๖, ๒๑, ๕๘, ๖๐ ริบบัตร (ประชาชน) ของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๔๙๓ มาตรา ๕๘, ๖๐ และประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๓๗, ๒๖๗ ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๗, ๙๑ให้จำคุกจำเลยไว้ ๓ เดือน ริบบัตรของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า
(๑) การที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยชี้ขาดคดีโดยรับฟังพยานเอกสาร ซึ่งมิใช่พยานเอกสารมหาชน และมิใช่ต้นฉบับเอกสาร โดยปราศจากพยานบุคคลมาสืบประกอบนั้นเป็นการมิชอบ
(๒) โจทก์ฟ้องคดีนี้โดยตั้งข้อหาว่า จำเลยหลบหนีเข้าเมือง มิได้ตั้งข้อหาว่าจำเลยอยู่ในประเทศไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ฉะนั้น เมื่อข้อเท็จจริงได้ความตามคำพยานโจทก์จำเลยว่า จำเลยได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยโดยมิได้ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเป็นเวลากว่า ๑๐ ปีแล้วคดีของโจทก์จึงขาดอายุความ
ศาลฎีกาเห็นว่า ปัญหาฎีกาข้อ ๑ จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาในชั้นศาลอุทธรณ์จำเลยจึงหยิบยกขึ้นมาให้ศาลฎีกาวินิจฉัยในชั้นนี้มิได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
ส่วนปัญหาข้อ ๒ นั้น ได้ความว่าจำเลยได้เข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ผ่านการตรวจของเจ้าพนักงาน และไม่ได้เดินทางเข้ามาตามช่องทางซึ่งรัฐมนตรีกำหนดไว้ตามกฎหมายเข้าเมือง และตามฟ้องโจทก์ก็ได้บรรยายว่านับแต่จำเลยเข้ามาในราชอาณาจักรจนกระทั่งจำเลยถูกฟ้อง จำเลยอยู่ในราชอาณาจักรด้วยการเข้ามาโดยไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองพ.ศ. ๒๔๙๓ มาตรา ๒๑ ตลอดมา และทางพิจารณาก็ได้ความตามฟ้อง ฉะนั้นแม้จำเลยจะได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยถึง ๑๐ ปีแล้วก็ตาม คดีของโจทก์จึงหาขาดอายุความฟ้องคดีตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๔๙๓มาตรา ๕๘ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๕ ไม่
พิพากษายืน

Share