คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 494/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องโจทก์กล่าวว่า จำเลยที่ 1 มีมีดซุยฝ่ายหนึ่ง จำเลยที่ 2, 3, 4 อีกฝ่ายหนึ่ง ต่างสมัครใจเข้าวิวาททำร้ายซึ่งกันและกัน โดยจำเลยที่ 1 ใช้มีดซุยแทง จำเลยที่ 2,3,4 ใช้ขวานและไม้ตะบองตีจำเลยที่ 1 ถึงบาดเจ็บ จำเลยที่ 3 มีแผลถูกแทงที่หน้าอก 1 แห่ง บาดเจ็บสาหัส ดังนี้ ฟ้องของโจทก์ พอเข้าใจได้ว่าจำเลยที่ 1 ใช้มีดซุยแทงถูกจำเลยที่ 3 ที่หน้าอก 1 แห่ง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ มีมีดซุยฝ่ายหนึ่ง จำเลยที่ ๒,๓,๔ ต่างมีขวานและไม้ตะบองฝ่ายหนึ่ง วิวาททำร้ายร่างกายกัน โดยจำเลยที่ ๑ ใช้มีดซุยแทง จำเลยที่ ๒,๓,๔ ใช้ขวานและไม้ตะบองตีจำเลยที่ ๑ บาดเจ็บ ๑๒ แห่ง จำเลยที่ ๓ มีแผลถูกแทงที่หน้าอก ๑ แห่ง บาดเจ็บสาหัส ขอให้ลงโทษ จำเลยที่ ๑ ให้การว่าได้เกิดเถียงกับจำเลยที่ ๒,๓ และจำเลยที่ ๒,๓,๔ ได้ใช้ขวานและไม้รุมตีจำเลยที่ ๑ ๆ หยิบได้สะเก็ดไม้แหลมแทงสวน ไม่รู้ว่าถูกใคร จำเลยที่ ๒,๓,๔ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ ๑ ตามมาตรา ๒๕๔ จำคุก ๖ เดือน ลดฐานรับสารภาพตามมาตรา ๕๙ ให้ ๒ เดือน คงเหลือจำคุก ๔ เดือน จำเลยที่ ๒,๓,๔ ไม่มีผิดให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ฟ้องโจทก์ไม่ระบุชัดว่าจำเลยที่ ๑ เป็นผู้ทำร้ายจำเลยที่ ๓ ถึงสาหัส ลงโทษจำเลยไม่ได้ พิพากษาแก้ยกฟ้องจำเลยที่ ๑
โจทก์ฎีกา,
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามโจทก์กล่าวในฟ้องพอเข้าใจว่าหมายความว่าจำเลยที่ ๑ ได้ใช้มีดซุยแทงถูกจำเลยที่ ๓ และข้อเท็จจริงได้ตามคำให้การจำเลยต่อสู้คดี รูปคดีพอถือได้ว่าที่จำเลยที่ ๑ ใช้ไม้สะเก็ดแทงถูกจำเลยที่หน้าอก ๑ ทีก็เป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ จำเลยที่ ๑ ถูกจำเลยที่ ๒,๓,๔ ทำร้ายมีบาดเจ็บถึง ๑๒ แห่ง จึงไม่ควรลงอาญาแก่จำเลยที่ ๑ ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๕๐.
พิพากษายืนในข้อยกฟ้อง

Share