คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1025/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันโดยจำเลยที่ 1 ใช้ไม้ตีจำเลยที่ 2 มีบาดเจ็บจำเลยที่ 2 ใช้มือชกต่อยจำเลยที่ 1 ไม่ถึงบาดเจ็บจำเลยให้การรับสารภาพ ดังนี้ โจทก์จะขอสืบพยานว่าจำเลยที่ 1 ทำร้ายจำเลยที่ 2 ตอนหนึ่ง แล้วต่อมาจำเลยที่ 2 ทำร้ายจำเลยที่ 1 อีกตอนหนึ่ง ไม่ใช่การวิวาทนั้น เป็นการสืบข้อเท็จจริงไม่ตรงกับฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองบังอาจทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันโดยจำเลยที่ 1 ได้ใช้ไม้ตีจำเลยที่ 2 มีบาดเจ็บ จำเลยที่ 2 ใช้มือชกต่อยจำเลยที่ 1 ไม่ถึงบาดเจ็บ ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 254, 338(3) จำเลยทั้ง 2 ให้การรับว่า ได้วิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน จำเลยที่ 2 มีบาดเจ็บ โจทก์ขอสืบพยาน แต่ศาลชั้นต้นงดสืบพยาน พิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1 สิบห้าวัน ปรับ 20 บาท โทษจำคุกให้ยกจำเลยที่ 2 ไม่มีความผิดศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ขอให้สืบพยานตามที่แถลงไว้ต่อศาลชั้นต้นคือ โจทก์จะสืบพยานว่า จำเลยที่ 1 ทำร้ายจำเลยที่ 2 แล้วต่อมาจำเลยที่ 2 ทำร้ายจำเลยที่ 1 โจทก์เถียงคำว่า ซึ่งกันและกันมิได้หมายความว่าถึงการที่จำเลยกระทำตอบกัน เป็นการที่โจทก์ขอนำสืบข้อเท็จจริงไม่ตรงกับฟ้อง

พิพากษายืน

Share