แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยอ้างว่าเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องชำระและนำมาวางศาลมีจำนวนสูงถึง 200,000 บาท และจำเลยประสบปัญหาด้านการเงินนั้น ได้ความว่า จำเลยรับทราบผลคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ก่อนวันครบกำหนดเวลายื่นฎีกาถึง 14 วัน ย่อมมีเวลาเพียงพอที่จะหาเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องชำระและนำมาวางศาลได้ทัน การที่จำเลยไม่สามารถยื่นฎีกาได้ภายในกำหนดจึงเป็นความบกพร่องของตัวจำเลยและทนายจำเลยเอง มิใช่พฤติการณ์พิเศษที่จะยกขึ้นมากล่าวอ้างเพื่อขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 23 ได้ แม้ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาเมื่อวันครบกำหนดยื่นฎีกา ก็มิใช่เหตุที่จำเลยจะอ้างว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นไม่ชอบ ทั้งนี้เพราะจำเลยควรต้องเตรียมการสำหรับกรณีดังกล่าวไว้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน ๖,๒๕๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ในต้นเงินดังกล่าว นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินเดือนละ ๑๕,๐๐๐ บาท มีกำหนดระยะเวลา ๑ ปี นับแต่วันที่โจทก์ทั้งสองขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดินพิพาทให้จำเลยที่ ๑ ส่งมอบที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๒๒๒๓๒ เลขที่ดิน ๙๕๓ ตำบลประเวศ (คลองประเวศฝั่งเหนือ) อำเภอพระโขนง (ประเวศ) กรุงเทพมหานคร ให้แก่โจทก์ทั้งสองด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลยที่ ๑ ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมโจทก์ทั้งสอง โดยกำหนดค่าทนายความ ๒๐,๐๐๐ บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนของโจทก์ทั้งสองกับจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ทั้งสองศาลให้เป็นพับ ให้จำเลยที่ ๑ ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ ๑๐,๐๐๐ บาท แทนโจทก์ทั้งสอง
จำเลยที่ ๑ ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาอ้างว่าคดีมีทุนทรัพย์สูงและคณะกรรมการของจำเลยที่ ๑ ยังไม่อนุมัติเงินค่าธรรมเนียมวางศาล ประกอบกับช่วงเวลานี้ตรงกับเทศกาลวันหยุด วันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งว่าข้ออ้างตามคำร้องถือไม่ได้ว่ากรณีมีพฤติการณ์พิเศษ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓ ให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ที่จำเลยที่ ๑ ฎีกาว่า เมื่อทนายจำเลยที่ ๑ ได้รับสำเนาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว ทนายจำเลยที่ ๑ รีบแจ้งผลคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยที่ ๑ ทราบทันทีเมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๔๒ แต่เงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องชำระและนำมาวางศาลมีจำนวนสูงถึง ๒๐๐,๐๐๐ บาท จำเลยที่ ๑ ประสบปัญหาด้านการเงิน ต้องใช้เวลาติดต่อหาเงินจำนวนดังกล่าว จึงจำต้องขอขยายเวลายื่นฎีกาและศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องขอขยายเวลายื่นฎีกาเมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๔๒ อันเป็นวันครบกำหนดยื่นฎีกา จึงไม่มีเวลาดำเนินการอย่างใดได้ทันนั้น เห็นว่า จำเลยที่ ๑ รับทราบผลคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๔๒ ก่อนวันครบกำหนดเวลายื่นฎีกาถึง ๑๔ วัน ย่อมมีเวลาเพียงพอที่จะหาเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องชำระและนำมาวางศาลได้ทัน การที่จำเลยที่ ๑ ไม่สามารถยื่นฎีกาได้ภายในกำหนดจึงเป็นเพราะความบกพร่องของตัวจำเลยที่ ๑ และทนายจำเลยที่ ๑ เอง มิใช่พฤติการณ์พิเศษที่จะยกขึ้นมากล่าวอ้างเพื่อขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓ แม้ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาเมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๔๒ อันเป็นวันครบกำหนดยื่นฎีกา ก็มิใช่เหตุที่จำเลยที่ ๑ จะอ้างว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นไม่ชอบ ทั้งนี้ เพราะเมื่อจำเลยที่ ๑ ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงิน จำเลยที่ ๑ ย่อมคาดหมายได้ว่าศาลชั้นต้นอาจสั่งไม่อนุญาตก็ได้ จำเลยที่ ๑ ควรต้องเตรียมการสำหรับกรณีดังกล่าวไว้ด้วย เช่น เตรียมหาเงินหรือเตรียมคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาชั้นฎีกาไว้ให้พร้อม แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ ๑ ดำเนินการดังกล่าวประการใด ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำสั่งและคำพิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ ๑ ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.
รังสรรค์ ขวัญสกุลวิวัฒน์ ย่อ
ไพโรจน์ โรจน์อภิรักษ์กุล ตรวจ
อัปษร หิรัญบูรณะ ผู้ช่วยฯ/ตรวจ