แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
+เจ้าพนักงานเรียกเงินอากรค่านาจ้างจากผู้ทำนามิได้ ก็ให้เรียกร้องเอาจากเจ้าของนา
สำเนาเอกสารซึ่งโจทก์ได้ส่งศาลโดยแนบมาพร้อมกับฟ้องแล้วนั้น ครั้นถึงเวลาโจทก์ส่งต้นฉะบับเอกสารต่อศาลในชั้นพิจารณาไม่ต้องส่งสำเนาให้จำเลยทราบอีกตาม ม.90
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าอากรค่านาที่ค้างจากจำเลยโจทก์ได้แนบบัญชีเงินค่านาที่ค้างมาท้ายฟ้องแจ้งตำบลอำเภอแห่งที่นาจำนวนเนื้อที่นา จำนวนปีและจำนวนเงินที่ค้างมาด้วยดังนี้ ไม่เรียกว่าโจทก์ฟ้องเคลือบคลุม
ย่อยาว
ได้ความว่า พ.ค้างอากรค่านาเป็นเงิน ๓๑๒๓ บาท พ.สิ้นพระชนม์ จำเลยเป็นผู้รับและจัดการมฤดก โจทก์จึงฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยใช้เงินจำนวนนี้
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้โจทก์ชนะคดี ให้จำเลยใช้ค่าอากรที่ค้างให้โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาตัดสินว่าข้อค้านของจำเลยที่ว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมนั้น เห็นว่าฟ้องโจทก์ได้แนบบัญชีเงินค่านาที่ค้างมาท้ายฟ้องด้วย ในบัญชีได้แจ้งตำบลอำเภอแห่งที่นาที่ตั้งอยู่ จำนวนเนื้อที่นา จำนวนปีและจำนวนเงินที่ค้างและในบัญชีนั้นมีพระนามของ พ.อยู่ด้วย การที่ไม่มีชื่อผู้ทำนาจริง ๆ นั้นไม่ทำให้จำเลยผิดหลงเพราะตามกฎหมายเมื่อเรียกเอาจากผู้ทำนาไม่ได้ก็ย่อมเรียกเอาจากเจ้าของได้และโจทก์มีพะยานมาแสดงว่าได้จัดการประกาศให้ผู้ต้องเสียค่านาทำเงินมาชำระแล้ว ส่วนเอกสารที่จำเลยคัดค้านว่าศาลไม่ควรรับเพราะมิได้ระบุไว้ใน+ระบุพะยานนั้น เห็นว่าเอกสารที่จำเลยกล่าวอ้างนี้เป็นหนังสือของสมุหบัญชีอำเภอนำส่งบัญชีเงินค่านาที่ค้างถึงสรรพากรจังหวัดซึ่งโจทก์ได้ทำแนบท้ายฟ้องมาแล้ว จะผิดกันก็แต่บัญชีที่ยื่นใหม่มีนามผู้ทำนามาด้วยเท่านั้นฟังได้ว่าเป็นเอกสารชุดเดียวกันกับที่โจทก์ยื่นไว้ท้ายฟ้อง ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้นจึงให้ยกเสีย