คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4919/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พระราชกฤษฎีกากำหนดแนวทางหลวงที่จะสร้างทางหลวงแผ่นดินสายคลองตัน-หนองงูเห่า และทางแยกเข้าหนองงูเห่า พ.ศ. 2524เป็นกฎหมาย จึงถือว่าผู้ร้องรู้ถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว ผู้ร้องอ้างไม่ได้ว่าขณะที่ผู้ร้องเข้าประมูลในการขายทอดตลาดผู้ร้องไม่รู้ถึงข้อความจริงเช่นว่านี้ จึงไม่เป็นการสำคัญผิดในคุณสมบัติของทรัพย์ที่ซื้อจากการขายทอดตลาด การออกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ก็เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการสำรวจก่อนที่จะมีการตราพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ออกมาใช้บังคับกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว จึงยังไม่ตกเป็นของรัฐ ขณะมีการขายทอดตลาดกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ขายทอดตลาดยังเป็นของจำเลยที่ 2 และเมื่อไม่อยู่ในข่ายห้ามโอนตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 295พ.ศ. 2530 แล้ว ก็สามารถทำนิติกรรมซื้อขายกันได้ตามกฎหมายแม้ต่อมาภายหลังจะได้มีพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินใช้บังคับและรวมที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่ในเขตที่ดินที่ถูกเวนคืนด้วยก็ตาม เพราะเป็นกรณีที่เกิดขึ้นภายหลังการขายทอดตลาดที่เสร็จสิ้นไปแล้ว การขายทอดตลาด จึงชอบแล้ว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องบังคับจำนองและนำยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 2 ซึ่งได้จำนองเพื่อเป็นหลักประกันการชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 ทำการขายทอดตลาด ผู้ร้องเป็นผู้ประมูลซื้อได้ในราคา 755,000 บาท และได้ชำระเงินจำนวน 25 เปอร์เซ็นต์ของราคาที่ประมูลได้ไว้ต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ที่ดินที่ขายทอดตลาดอยู่ในบริเวณแนวเขตทางหลวงตามพระราชกฤษฎีกากำหนดแนวทางหลวงที่จะสร้างทางหลวงแผ่นดินสายคลองตัน-หนองงูเห่า และทางแยกเข้าหนองงูเห่าพ.ศ. 2524 ซึ่งโจทก์และจำเลยรู้ก่อนการขายทอดตลาดแล้ว แต่ไม่แจ้งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบ ผู้ร้องเข้าประมูลซื้อเพราะความสำคัญผิดในคุณสมบัติของทรัพย์อันเป็นสาระสำคัญของนิติกรรมเจ้าพนักงานที่ดินจะไม่จดทะเบียนทำนิติกรรมให้ การซื้อขายที่ดินดังกล่าวจึงไม่สามารถกระทำได้ขอให้ไต่สวนและมีคำสั่งให้ระงับการวางเงินส่วนที่เหลือ และมีคำสั่งให้การขายทอดตลาดเป็นโมฆะกับให้เจ้าพนักงานบังคับคดีคืนเงินจำนวน 188,750 บาท แก่ผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ว่าผู้ร้องไม่ทราบว่าที่ดินอยู่ในแนวเขตทางหลวงเป็นการสำคัญผิดในคุณสมบัติของทรัพย์ที่ขายทอดตลาดนั้น เห็นว่าพระราชกฤษฎีกากำหนดแนวทางหลวงที่จะสร้างทางหลวงแผ่นดินสายคลองตัน-หนองงูเห่า และทางแยกเข้าหนองงูเห่าพ.ศ. 2524 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2524 ซึ่งพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวเป็นกฎหมาย จึงถือว่าผู้ร้องรู้ถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว และการขายทอดตลาดที่ดินรายนี้ได้กระทำเมื่อวันที่25 กันยายน 2530 เป็นเวลาภายหลังมีพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวใช้บังคับถึง 6 ปี ดังนั้น ผู้ร้องจึงอ้างไม่ได้ว่าขณะที่ผู้ร้องเข้าประมูลในการขายทอดตลาด ผู้ร้องไม่รู้ถึงข้อความจริงเช่นว่านี้ทั้งพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 343 สายคลองตัน-ลาดกระบัง ก็มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่7 กันยายน 2532 ซึ่งเป็นเวลาภายหลังที่ขายทอดตลาดแล้ว ดังนั้นฎีกาของผู้ร้องที่ว่าสำคัญผิดในคุณสมบัติของทรัพย์ที่ซื้อจึงฟังไม่ขึ้น สำหรับฎีกาอีกข้อหนึ่งของผู้ร้องที่ว่าแม้ว่าผู้ร้องจะซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดไปแล้ว ก็ยังไม่สามารถทำนิติกรรมโอนที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องได้นั้น เห็นว่า ขณะที่มีการขายทอดตลาดที่ดินรายนี้ ยังไม่มีพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 343 ซึ่งเวนคืนที่ดินนี้ทั้งแปลงใช้บังคับ หากมีการทำนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์กันในขณะนั้นก็ไม่มีเหตุขัดข้องทั้งนี้เพราะกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ตามพระราชกฤษฎีกายังไม่ตกเป็นของรัฐตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ แม้ที่ดินที่ผู้ร้องประมูลซื้อได้จากการขายทอดตลาดจะอยู่ในแนวเขตทางหลวงก็ตาม เพราะการออกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนนั้น ก็เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการสำรวจก่อนที่จะมีการตราพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ออกมาใช้บังคับ กรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงดังกล่าวจึงยังเป็นของจำเลยที่ 2 อยู่ในขณะที่มีการขายทอดตลาด ทั้งไม่อยู่ในข่ายห้ามโอนตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 295พ.ศ. 2530 ดังนั้น ที่ดินแปลงดังกล่าวนี้จึงสามารถทำนิติกรรมซึ่งขายกันได้ตามกฎหมาย แม้ว่าต่อมาภายหลังจะได้มีพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 343ใช้บังคับ และรวมที่ดินแปลงนี้อยู่ในเขตที่ดินที่ถูกเวนคืนด้วยก็เป็นกรณีที่เกิดขึ้นภายหลังการขายทอดตลาดที่เสร็จสิ้นไปแล้วที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าไม่มีเหตุยกเลิกการขายทอดตลาดทรัพย์รายนี้จึงชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share