แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นผู้ต้องหาถูกคุมขังอยู่ที่ห้องขังของสถานีตำรวจเวลา 8 นาฬิกา นายดาบตำรวจส. เสมียนคดี แจ้งความประสงค์ต่อนายดาบตำรวจก. ซึ่งปฏิบัติหน้าที่สิบเวรว่าได้รับคำสั่งจากพนักงานสอบสวนให้มาพิมพ์ลายนิ้วมือของจำเลย นายดาบตำรวจก. ไขกุญแจห้องขังเปิดประตูเพื่อใส่กุญแจมือจำเลยก่อนนำจำเลย ออกจากห้องขัง แต่จำเลยวิ่งสวนทางออกมาวิ่งหลบหนีลงไป ทางบันได สิบตำรวจตรีฉ. ซึ่งยืนอยู่ตรงที่พักบันไดประสบเหตุดังกล่าวจึงเข้าสกัดจับจำเลยไว้ได้ การที่จำเลยซึ่งถูกควบคุมตัวไว้ ในห้องขังสถานีตำรวจอันเป็นการควบคุมที่เจ้าพนักงานตำรวจ จัดกำหนดขอบเขตเอาไว้ ออกจากขอบเขตดังกล่าวโดยผู้มีอำนาจ ควบคุมจำเลยยังมิได้อนุญาตในลักษณะของการวิ่งหลบหนี ออกมาพ้นเขตควบคุมแล้วไม่ว่าเจ้าพนักงานตำรวจจะติดตามจับกุม จำเลยได้หรือไม่ก็ตาม การกระทำของจำเลยย่อมเป็นการหลบหนี ไปในระหว่างที่ถูกคุมขังของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา เป็นความผิดสำเร็จแล้ว ไม่จำเป็นต้องหลบหนีให้พ้นออกไปจากตัวอาคารของสถานีตำรวจจึงจะถือว่าการหลบหนีสำเร็จ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยถูกพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรท่าเรือคุมขังระหว่างสอบสวนในฐานะผู้ต้องหาฐานชิงทรัพย์ และอยู่ในความควบคุมของนายดาบตำรวจแก้ว แจ่มอารมย์ และสิบตำรวจตรีประหยัด ดีเสมอ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา จำเลยหลบหนีไปเสียจากการควบคุมของนายตำรวจแก้วและสิบตำรวจตรีประหยัดโดยจำเลยวิ่งหลบหนีออกไปจากห้องขังขณะเจ้าพนักงานตำรวจควบคุมตัวจำเลยไปดำเนินการทางคดีในการสอบสวนและพิมพ์ลายนิ้วมือ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 190
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 190 วรรคแรก ให้จำคุก 6 เดือนจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลฎีกามีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาเฉพาะข้อกฎหมาย ข้อ 4 ที่ว่าการกระทำของจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาเป็นการพยายามกระทำความผิดหรือไม่
พิเคราะห์แล้ว ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นผู้ต้องหาในคดีชิงทรัพย์ถูกคุมขังอยู่ที่ห้องขังสถานีตำรวจภูธรอำเภอท่าเรือวันที่ 21 สิงหาคม 2534 เวลา 8 นาฬิกา นายดาบตำรวจสิทธิ สืบกลิ่นเสมียนคดี แจ้งความประสงค์ต่อนายดาบตำรวจแก้ว แจ่มอารมย์ซึ่งปฏิบัติหน้าที่สิบเวรว่าได้รับคำสั่งจากพันตำรวจตรีสุรชัย คีรีวิเชียร พนักงานสอบสวนให้มาพิมพ์ลายนิ้วมือของจำเลย นายดาบตำรวจแก้วจึงให้สิบตำรวจตรีประหยัด ดีเสมอ ช่วยควบคุมดูแลด้วย แล้วนายดาบตำรวจแก้วไขกุญแจห้องขังเปิดประตูเพื่อใส่กุญแจมือจำเลยก่อนนำจำเลยออกจากห้องขัง แต่จำเลยวิ่งสวนทางออกมาโดยนายดาบตำรวจแก้วไม่สามารถคว้าข้อมือจำเลยได้ทันสิบตำรวจตรีประหยัดคว้าคอเสื้อจำเลยไว้ แต่จำเลยวิ่งหลุดไปได้และวิ่งหลบหนีลงไปทางบันไดของสถานีตำรวจสิบตำรวจตรีเฉลียว รุ่งระวี ซึ่งยืนอยู่ตรงที่พักบันไดประสบเหตุดังกล่าวจึงเข้าสกัดจับจำเลยไว้ได้โดยมีนายดาบตำรวจแก้วและสิบตำรวจตรีประหยัดเข้าช่วยในการจับกุมด้วย เห็นว่านายดาบตำรวจแก้วปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ควบคุมจำเลยไว้ในห้องขังสถานีตำรวจดังกล่าวอันเป็นการควบคุมที่เจ้าพนักงานตำรวจจัดกำหนดขอบเขตเอาไว้ เมื่อจำเลยออกจากขอบเขตดังกล่าวโดยผู้มีอำนาจควบคุมจำเลยยังมิได้อนุญาตในลักษณะของการวิ่งหลบหนีออกมาพ้นเขตควบคุมแล้วไม่ว่าเจ้าพนักงานตำรวจจะติดตามจับกุมจำเลยได้หรือไม่ก็ตาม การกระทำของจำเลยย่อมเป็นการหลบหนีไปในระหว่างที่ควบคุมขังของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาเป็นความผิดสำเร็จแล้ว ไม่จำเป็นต้องหลบหนีให้พ้นออกไปจากตัวอาคารของสถานีตำรวจดังกล่าวจึงจะถือว่าการหลบหนีสำเร็จดังจำเลยกล่าวอ้าง คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ในปัญหานี้ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา”
พิพากษายืน