คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 49/2551

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมทแอมเฟตามีนที่พบที่ตัวจำเลยทั้งสาม 17 เม็ด เป็นจำนวนเดียวกับเมทแอมเฟตามีนที่ค้นพบในบ้านจำนวน 3,000 เม็ด เป็นแต่เพียงจำเลยทั้งสามแยกเอาบางส่วนติดตัวไว้เท่านั้น ทั้งโจทก์ได้บรรยายไว้ในคำฟ้องแล้วว่าเมทแอมเฟตามีน 17 เม็ด ดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีน 3,017 เม็ด ที่จำเลยทั้งสามร่วมกันมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ดังนี้ การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงเป็นความผิดเพียงกรรมเดียวฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเท่านั้น ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกกรรมหนึ่งนั้น จึงไม่ชอบ ปัญหาดังกล่าวเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็หยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91 และริบของกลาง
จำเลยทั้งสามให้การรับว่า จำเลยที่ 1 ครอบครองเมทแอมเฟตามีน 6 เม็ด จำเลยที่ 2 ครอบครองเมทแอมเฟตามีน 8 เม็ด จำเลยที่ 3 ครอบครองเมทแอมเฟตามีน 3 เม็ด ส่วนข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง วรรคสาม (2), 66 วรรคสาม, 67, 102 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต และปรับคนละ 1,500,000 บาท ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง จำคุกคนละ 1 ปี จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตาม (ที่ถูก ประมวลกฎหมายอาญา) มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกคนละ 33 ปี 4 เดือน ปรับคนละ 1,000,000 บาท ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง จำคุกคนละ 8 เดือน รวมจำคุกคนละ 34 ปี ปรับคนละ 1,000,000 บาท ริบเมทแอมเฟตามีน กับรถยนต์ยี่ห้อ บี เอ็ม ดับเบิลยู หมายเลขทะเบียน 7 ช – 4822 กรุงเทพมหานคร และรถยนต์ยี่ห้อฮุนได หมายเลขทะเบียน 3 ศ – 5894 กรุงเทพมหานคร ของกลาง กรณีไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 หากกักขังแทนค่าปรับให้กักขังเป็นเวลาไม่เกิน 2 ปี ข้อหาและคำขออื่นให้ยก
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 67 ลงโทษจำคุกคนละ 1 ปี จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 6 เดือน ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง ให้คืนรถยนต์ของกลาง 2 คัน แก่เจ้าของ ส่วนข้อหาและคำขออื่นให้ยก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้แย้งในชั้นฎีการับฟังได้ว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุ ร้อยตำรวจเอกชุมพลกับจ่าสิบตำรวจสมใจร่วมกันจับกุมจำเลยทั้งสามได้พร้อมกับยึดเมทแอมเฟตามีน 3,017 เม็ด คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 48.73 กรัม รถยนต์ยี่ห้อฮุนไดและรถยนต์ยี่ห้อบี เอ็ม ดับเบิลยู อย่างละ 1 คัน และทรัพย์สินอื่นตามบัญชีแสดงการตรวจยึดทรัพย์สินตามพระราชบัญญัติมาตรการริบทรัพย์สินคดียาเสพติดเป็นของกลาง คดีมีปัญหาตามฎีกาโจทก์ว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีน ในจำนวนดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ และต้องริบรถยนต์ยี่ห้อฮุนไดกับรถยนต์ยี่ห้อบี เอ็ม ดับเบิลยู ของกลางหรือไม่ การที่ร้อยตำรวจเอกชุมพล จ่าสิบตำรวจสมใจกับพวกร่วมจับกุมจำเลยทั้งสามได้พร้อมกับเมทแอมเฟตามีน 3,000 เม็ด ในบ้านเลขที่ 131 และอีก 17 เม็ด ในตัวของจำเลยทั้งสามก็เนื่องด้วยการสืบสวนหาข้อเท็จจริงโดยการซุ่มดูอยู่บริเวณบ้านเลขที่ 132 จนได้พบว่าจำเลยทั้งสามพักอาศัยอยู่ในบ้านดังกล่าว และบ้านเลขที่ 131 ที่แม้จำเลยทั้งสามไม่ได้ใช้พักอาศัยแต่ข้ามไปมา โดยใช้ม้าหินที่วางอยู่ชิดกำแพงระหว่างบ้านทั้งสองหลังอำนวยความสะดวกในการปีนเข้าออกไปในบ้านดังกล่าวเสมอๆ จนเป็นที่ผิดสังเกต ทำให้ร้อยตำรวจเอกชุมพลกับพวกสามารถรายงานข้อพิรุธดังกล่าวให้ผู้บังคับบัญชาทราบและเข้าไปตรวจค้นกับยึดเมทแอมเฟตามีนของกลางได้จำนวนมาก การสืบสวนแสวงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำผิดของจำเลยทั้งสามจึงไม่ใช่ได้มาจากคำบอกกล่าวของนายพิษณุศักดิ์ จำเลยในคดีก่อนเพียงอย่างเดียว การที่โจทก์ไม่ได้นำนายพิษณุศักดิ์มาเป็นพยานหรือนำคำให้การของนายพิษณุศักดิ์ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนมาอ้างส่งเพื่อรับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นของโจทก์ดังที่จำเลยทั้งสามแก้ฎีกานั้นจึงมิใช่ข้อพิรุธ แต่กลับเป็นข้อเท็จจริงที่ชี้ให้เห็นโดยชัดแจ้งว่า การสืบสวนขยายผลจากนายพิษณุศักดิ์ดังกล่าวทำให้ร้อยตำรวจเอกชุมพลกับพวกสามารถดำเนินการต่อไปจนจับจำเลยทั้งสามได้พร้อมยึดเมทแอมเฟตามีนของกลางจากในตัวจำเลยทั้งสามและภายในบ้านเลขที่ 131 ที่จำเลยทั้งสามซึ่งพักอาศัยอยู่ภายในบ้านเลขที่ 132 ข้ามไปมาอยู่เสมอๆ จนร้อยตำรวจเอกชุมพลกับพวกพบความจริง แสดงว่าจำเลยทั้งสามร่วมครอบครองบ้านเลขที่ 131 ด้วย ดังนั้น แม้ในครั้งแรกร้อยตำรวจเอกชุมพลกับพวกค้นไม่พบกุญแจบ้านเลขที่ 131 ที่ตัวจำเลยที่ 1 จนต้องมีการงัดประตู แล้วจึงมาพบในภายหลังก็ไม่ใช่ข้อพิรุธ ส่วนที่ร้อยตำรวจเอกชุมพลกับพวกทราบจากสายลับว่าจะมีการนำเมทแอมเฟตามีนมาซุกซ่อนไว้ในบ้านเลขที่ 131 แล้ว แต่ไม่ปรากฏว่ามีเจ้าพนักงานตำรวจไปดักรอหรือซุ่มดูว่าใครเป็นผู้นำเมทแอมเฟตามีนมาซุกซ่อนนั้น ก็เพราะร้อยตำรวจเอกชุมพลประเมินกำลังฝ่ายจำเลยทั้งสามแล้ว เชื่อว่าศักยภาพในการต่อสู้จึงต้องเข้าตรวจค้นในวันรุ่งขึ้นเวลาประมาณเที่ยงวัน ซึ่งพวกจำเลยทั้งสามไม่มีการเคลื่อนไหว ปิดบ้านเงียบ และขณะเข้าตรวจค้น ผู้ร่วมตรวจค้นจับกุมทุกคนต้องสวมเสื้อเกราะ และมีอาวุธติดตัวเป็นอาวุธหนักร้ายแรง เพื่อความปลอดภัยของผู้ร่วมจับกุมนั้น จึงมิใช่ข้อพิรุธดังที่จำเลยทั้งสามแก้ฎีกาประกอบกับในชั้นจับกุมชั้นสอบสวนจำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพและนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำให้การรับสารภาพตามบันทึกคำให้การซึ่งมีรายละเอียดของคำให้การโดยชัดแจ้งและละเอียดลออซึ่งผู้ที่ไม่ได้ร่วมกระทำความผิดจะไม่อาจให้การเช่นนี้ได้ ตั้งแต่ประวัติของจำเลยทั้งสาม เหตุที่จำเลยทั้งสามกับพวกเข้ามาร่วมหุ้นกันค้าขายเมทแอมเฟตามีน การไปซื้อเมทแอมเฟตามีน การขนเมทแอมเฟตามีน วิธีจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนในจังหวัดปราจีนบุรีที่เกิดเหตุ การแบ่งกำไรกัน การนำเงินที่ได้จากการขายเมทแอมเฟตามีนไปใช้จ่าย การกระทำความผิดในคดีนี้ ตลอดจนรูปพรรณสัณฐานของผู้ร่วมกระทำผิดด้วย และภาพถ่ายรวม 8 ภาพ ที่จำเลยทั้งสามนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำให้การรับสารภาพ ซึ่งสภาพของจำเลยทั้งสามในภาพดังกล่าวก็มีลักษณะปกติ ไม่ได้เมายาดังที่อ้าง เชื่อได้ว่าจำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพด้วยความสมัครใจ พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาข้างต้นมีน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้ว่า จำเลยทั้งสามมีเมทแอมเฟตามีนของกลาง 3,017 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจริง แม้ร้อยตำรวจเอกชุมพลกับพวกผู้ร่วมจับกุมไม่พบโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือทรัพย์สินเงินทองที่จำเลยทั้งสามจำนวนมาก อันส่อแสดงว่าจำเลยทั้งสามเป็นผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ดังที่จำเลยทั้งสามแก้ฎีกาก็มิใช่ข้อพิรุธ ส่วนรถยนต์ยี่ห้อฮุนไดและยี่ห้อบี เอ็ม ดับเบิลยู ของกลาง 2 คันนั้น เมื่อปรากฏว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางถูกตรวจยึดได้จากห้องพระภายในบ้านเลขที่ 131 และที่ตัวจำเลยทั้งสาม กรณีจึงยังไม่พอรับฟังได้ว่ารถยนต์ของกลางดังกล่าวเป็นยานพาหนะที่ใช้ในการกระทำความผิดในคดีนี้ จึงไม่ริบ ฎีกาโจทก์ในส่วนนี้ฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีน 3,017 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวบางส่วน 17 เม็ด ให้แก่กันและกัน คดียุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ยกฟ้องข้อหาร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนบางส่วน แต่ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การที่จำเลยทั้งสามร่วมกันครอบครองเมทแอมเฟตามีน 17 เม็ด ดังกล่าวแยกต่างหากถือเป็นการกระทำความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกกรรมหนึ่งด้วยนั้น เห็นว่า เมทแอมเฟตามีนที่พบที่ตัวจำเลยทั้งสาม 17 เม็ด เป็นจำนวนเดียวกับเมทแอมเฟตามีนที่ค้นพบในบ้านเลขที่ 131 จำนวน 3,000 เม็ด เป็นแต่เพียงจำเลยทั้งสามแยกเอาบางส่วนติดตัวไว้เท่านั้น ทั้งโจทก์ได้บรรยายไว้ในคำฟ้องแล้วว่าเมทแอมเฟตามีน 17 เม็ดดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีน 3,017 เม็ด ที่จำเลยทั้งสามร่วมกันมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ดังนี้ การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงเป็นความผิดเพียงกรรมเดียวฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเท่านั้น ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกกรรมหนึ่งนั้นจึงไม่ชอบ ปัญหาดังกล่าวเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็หยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 ส่วนของกลางรถจักรยานยนต์ 2 คัน สร้อยคอทองคำ 2 เส้นพร้อมพระ โทรศัพท์พร้อมเครื่องเล่นวิซีดี 2 เครื่อง สมุดบัญชีเงินฝาก และเงินสด 690 บาท ซึ่งศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้ยกคำขอให้ริบทรัพย์ของกลางในส่วนนี้แล้วแต่ไม่ได้สั่งคืนให้แก่เจ้าของอันเป็นการไม่ครบถ้วน ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรสั่งเสียใหม่ให้ครบถ้วน
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสาม, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกคนละตลอดชีวิต ปรับคนละ 1,500,000 บาท จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน ลดโทษให้คนละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 จำคุกคนละ 33 ปี 4 เดือน ปรับคนละ 1,000,000 บาท ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 หากกักขังแทนค่าปรับให้กักขังไม่เกิน 2 ปี ข้อหาและคำขออื่นให้ยกและให้คืนรถยนต์ 2 คัน รถจักรยานยนต์ 2 คัน สร้อยคอทองคำ 2 เส้นพร้อมพระ โทรศัพท์พร้อมเครื่องเล่นวีซีดี 2 เครื่อง สมุดบัญชีเงินฝาก และเงินสด 690 บาท แก่เจ้าของ.

Share