คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2141/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายอ้างว่า จำเลยใช้หนังสะติ๊กยิงถูกตาขวาโจทก์บอดพิการตลอดชีวิต จำเลยฟ้องแย้งว่าโจทก์เข้าไปจับปลาในบริเวณบ้านจำเลยแล้วรื้อก้อนหินที่จำเลยสร้างเป็นเขื่อนกันน้ำเซาะเสาเรือนขอเรียกค่าเสียหายต้องซื้อก้อนหินและจ้างคนซ่อมเขื่อน ดังนี้ฟ้องแย้งของจำเลยเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้เยาว์ นางมีณาหรือระเบียบ เขม่นแสง มารดาผู้ใช้อำนาจปกครองฟ้องคดีแทน ขณะที่โจทก์กับบุคคลอื่นเล่นน้ำและดูคนจับปลาในคลองบางกอกน้อย จำเลยได้กระทำการโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง โดยใช้หนังสะติ๊กยิงถูกตาข้างขวาของโจทก์ เป็นเหตุให้ตาขวาของโจทก์บอดพิการตลอดชีวิต ขอคิดค่าเสียหายเป็นเงิน 500,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์กับพวกบุกรุกเข้าไปในบริเวณบ้านจำเลยทำการจับปลาและรื้อก้อนหินที่จำเลยสร้างเป็นเขื่อนป้องกันน้ำเซาะเสาเรือนมิให้ล้ม จำเลยห้ามปรามแต่โจทก์ไม่เชื่อฟัง จำเลยยิงหนังสะติ๊กไป1 ครั้ง โจทก์หกล้มขณะวิ่งหนีเป็นเหตุให้ตาของโจทก์กระทบแง่หินได้รับบาดเจ็บ จำเลยได้รับความเสียหายจากการกระทำของโจทก์กับพวก โดยจะต้องซื้อหินและจ้างบุคคลอื่นซ่อมแซมเขื่อนหินเป็นเงินไม่น้อยกว่า 11,000บาท ขอให้ยกฟ้องโจทก์และบังคับโจทก์ให้ชำระค่าเสียหายเป็นเงิน 11,000บาทพร้อมดอกเบี้ยแก่จำเลย

ศาลชั้นต้นสั่งรับคำให้การ ส่วนฟ้องแย้ง เห็นว่าไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมจึงไม่รับ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายอ้างว่า จำเลยใช้หนังสะติ๊กยิงถูกตาข้างขวาโจทก์บอดพิการตลอดชีวิต ส่วนฟ้องแย้งเป็นเรื่องที่กล่าวหาว่าโจทก์รื้อก้อนหินที่จำเลยสร้างเป็นเขื่อนกันน้ำเซาะเสาเรือน ขอเรียกค่าเสียหายกรณีจำเลยจะต้องซื้อก้อนหินและจ้างคนซ่อมเขื่อนให้คงสภาพเดิม ฟ้องแย้งของจำเลยจึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับฟ้องแย้งชอบแล้ว

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share