คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4891/2542

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ที่ดินพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของลำรางอีเลิงซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน แม้จะยังมิได้ขึ้นทะเบียนเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ก็เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(2) การที่จำเลยล้อมรั้วในที่ดินพิพาทเป็นเหตุให้โจทก์ไม่สามารถเข้าใช้ประโยชน์ได้โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้ครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 511/489 ด้านทิศตะวันตกและด้านทิศเหนือจดลำรางอีเลิงและหนองอีเลิงสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนทั่วไปและโจทก์ทั้งสิบสามใช้ประโยชน์เป็นทางสัญจรใช้น้ำอุปโภคบริโภคและเลี้ยงสัตว์ตลอดมา ปัจจุบันจำเลยล้อมรั้วลวดหนามกั้นลำรางอีเลิงและหนองอีเลิง ไม่ให้ประชาชนทั่วไปและโจทก์ทั้งสิบสามเข้าใช้ประโยชน์โดยอ้างว่าเป็นที่ดินของตน เป็นการละเมิดต่อโจทก์ทั้งสิบสาม ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนรั้วลวดหนามส่วนที่กั้นล้อมลำรางอีเลิงและหนองอีเลิงหากไม่รื้อถอนให้โจทก์ทั้งสิบสามทำการรื้อถอนโดยจำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย

จำเลยให้การว่า จำเลยกั้นรั้วลวดหนามล้อมรอบแนวเขตที่ดินของจำเลยและครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของมากว่า 30 ปี โดยไม่ได้ปิดกั้นลำรางและหนองอีเลิงตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อรั้วลวดหนาม ส่วนที่กั้นลำรางอีเลิงออก คำขออื่นให้ยก

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยแต่เพียงว่า ที่ดินพิพาทตามแผนที่เอกสารหมาย จ.16 ที่จำเลยล้อมรั้วเป็นลำรางอีเลิงซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันหรือไม่ ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า คดีมีเหตุผลน่าเชื่อว่าบริเวณที่ดินพิพาทในแผนที่เอกสารหมาย จ.16 อยู่นอกแนวเขตที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ของจำเลย ที่ดินพิพาทจึงไม่ใช่ที่ดินของจำเลยแต่เป็นส่วนหนึ่งของลำรางอีเลิงซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน จึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(2) แม้จะยังมิได้ขึ้นทะเบียนเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินก็ตาม การที่จำเลยล้อมรั้วในที่ดินพิพาทเป็นเหตุให้โจทก์ทั้งสิบสามไม่สามารถเข้าใช้ประโยชน์ได้โจทก์ทั้งสิบสามจึงมีอำนาจฟ้องจำเลย”

พิพากษายืน

Share