คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 202/2552

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ทั้งสามฟ้องขอให้บังคับการไฟฟ้านครหลวงจำเลยและบริวารระงับการกระทำละเมิดต่างๆ บนที่ดินของโจทก์ทั้งสาม พร้อมทั้งให้รื้อถอนเสาไฟฟ้า สายไฟฟ้า และสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ซึ่งได้กระทำลงบนที่ดินของโจทก์ทั้งสาม จำเลยให้การว่า จำเลยดำเนินการปักเสาไฟฟ้าและพาดสายไฟฟ้าตามคำขอของการเคหะแห่งชาติ ชาวบ้านผู้ใหญ่บ้านซอยชุมชนวัดพรพระร่วงประสิทธิ์ ซึ่งจำเลยตรวจสอบและเห็นว่าถูกต้องตามระเบียบแล้วจึงดำเนินการให้ตามขอ โดยไม่ได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทั้งได้รับคำยืนยันจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านและสำนักงานเขตบางเขนว่า ที่ดินในซอยวัดพรพระร่วงประสิทธิ์เป็นทางสาธารณะ จำเลยไม่ได้ให้การว่าที่ดินพิพาทตกเป็นทางภาระจำยอม คดีจึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่า ที่ดินพิพาทเป็นทางภาระจำยอมหรือไม่ แม้จำเลยจะนำสืบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องภาระจำยอมก็เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดจากพยานนอกประเด็นข้อพิพาท และเป็นข้อเท็จจริงที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ต้องห้ามมิให้ศาลรับฟังตามป.วิ.พ. มาตรา 87 (1) ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ที่ดินพิพาทเป็นทางภาระจำยอม การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ทั้งสาม จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นและไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ที่ดินพิพาทมิใช่เป็นทางสาธารณะ การที่การไฟฟ้านครหลวงจำเลยทำการปักเสาไฟฟ้าและพาดสายไฟฟ้าในที่ดินพิพาทโดยมิได้สำรวจตรวจสอบถึงสิทธิในที่ดินให้ได้ความแน่ชัดเสียก่อน และมิได้รับความยินยอมจากโจทก์ทั้งสาม จึงเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์ทั้งสามซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินได้รับความเสียหายย่อมเป็นการละเมิด

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสามฟ้องว่า โจทก์ทั้งสามเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินโฉนดเลขที่ 56 เลขที่ดิน 31/40 ซึ่งอยู่ติดกับวัดพรพระร่วงประสิทธิ์ ซอยวัชรพล ถนนรามอินทรา แขวงออเงิน เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร จำเลยทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสามโดยจำเลยทำการปักเสาไฟฟ้าและพาดสายไฟฟ้าบนที่ดินของโจทก์ทั้งสามดังกล่าว โดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ทั้งสาม และโจทก์ทั้งสามไม่เคยยินยอมให้บุคคลใดดำเนินการดังกล่าว โจทก์ทั้งสามได้แจ้งให้จำเลยรื้อถอนเสาไฟฟ้าและสายไฟฟ้าและระงับการกระทำละเมิดดังกล่าวแล้ว แต่จำเลยเพิกเฉยทำให้โจทก์ทั้งสามได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยและบริวารระงับการกระทำละเมิดต่างๆ บนที่ดินของโจทก์ทั้งสาม ทั้งให้รื้อถอนเสาไฟฟ้า สายไฟฟ้า และสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น ซึ่งจำเลยและบริวารได้กระทำลงบนที่ดินของโจทก์ทั้งสามโดยให้จำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดังกล่าว หากจำเลยและบริวารไม่ดำเนินการให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสามเป็นรายเดือน เดือนละ 100,000 บาท นับแต่เดือนที่ฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะดำเนินการข้างต้นเสร็จ
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่บรรยายฟ้องว่า โจทก์เสียหายอะไรบ้าง ค่าเสียหายของโจทก์แต่ละคนมีจำนวนเท่าไรเป็นหนี้แบ่งแยกจากกันได้หรือไม่ และเพราะเหตุใดจึงเสียหาย ฟ้องโจทก์จึงเคลือบคลุมที่ดินพิพาทยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นของโจทก์ทั้งสามหรือทางสาธารณะ โจทก์ทั้งสามจึงยังไม่ถูกโต้แย้งสิทธิ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยดำเนินการปักเสาไฟฟ้าและพาดสายไฟฟ้าตามคำขอของการเคหะแห่งชาติ ชาวบ้าน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ซอยชุมชนวัดพรพระร่วงประสิทธิ์ ซึ่งจำเลยได้ทำการตรวจสอบและเห็นว่าถูกต้องตามระเบียบแล้วจึงดำเนินการให้ตามคำขอโดยไม่ได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อทั้งได้รับคำยืนยันจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านและสำนักงานโยธา เขตบางเขนว่า ที่ดินในซอยวัดพรพระร่วงประสิทธิ์เป็นทางสาธารณะประชาชนได้ใช้ที่ดินดังกล่าวเป็นทางติดต่อกันมาหลายสิบปี โดยไม่มีการหวงห้ามถือว่าโจทก์ทั้งสามได้อุทิศให้เป็นทางสาธารณะ เพื่อประโยชน์ประชาชนใช้ร่วมกันโดยปริยาย และโจทก์ทั้งสามไม่ได้รับความเสียหาย ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา จำเลยยื่นคำร้องขอให้เรียกนายคำนวณหรือคำนวล เข้ามาเป็นจำเลยร่วม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต
จำเลยร่วมขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์ทั้งสามกับจำเลยและจำเลยร่วมให้เป็นพับ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยรื้อถอนเสาไฟฟ้า สายไฟฟ้าและสิ่งปลูกสร้างที่จำเลยได้กระทำลงบนที่ดินโฉนดเลขที่ 56 ตำบลออเงินใหญ่ (ท่าแร้ง) อำเภอบางเขน กรุงเทพมหานคร ออกจากที่ดินดังกล่าว โดยจำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดังกล่าวเอง และให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสามเดือนละ 1,000 บาท นับตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะรื้อถอนออกไปจากที่ดินของโจทก์ทั้งสาม นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามคำแก้ฎีกาของโจทก์ทั้งสามว่าฎีกาของจำเลยเคลือบคลุมหรือไม่ เห็นว่า จำเลยฎีกาโต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์โดยมีรายละเอียดไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในประเด็นที่ให้โจทก์ทั้งสามชนะคดีว่า ศาลชั้นต้นวินิจฉัยเรื่องภาระจำยอมบนที่ดินพิพาทเป็นการวินิจฉัยอยู่ในประเด็นและชอบด้วยกฎหมาย และการที่จำเลยปักเสาไฟฟ้าและพาดสายไฟฟ้าในที่ดินพิพาทไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ทั้งสาม ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาที่ชัดแจ้งไม่ขัดแย้งกันเองตามที่โจทก์ทั้งสองอ้าง ฎีกาของจำเลยไม่เคลือบคลุม
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยในข้อแรกว่า การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงเรื่องภาระจำยอมในที่ดินพิพาท และวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ทั้งสาม เป็นการวินิจฉัยในประเด็นข้อพิพาทแล้ว นั้น เห็นว่า คดีนี้โจทก์ทั้งสามฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารระงับการกระทำละเมิดต่างๆ บนที่ดินของโจทก์ทั้งสาม พร้อมทั้งให้รื้อถอนเสาไฟฟ้า สายไฟฟ้า และสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ซึ่งจำเลยและบริวารได้กระทำลงบนที่ดินของโจทก์ทั้งสาม จำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยดำเนินการปักเสาไฟฟ้าและพาดสายไฟฟ้าตามคำขอของการเคหะแห่งชาติ ชาวบ้านผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ซอยชุมชนวัดพรพระร่วงประสิทธิ์ ซึ่งจำเลยตรวจสอบและเห็นว่าถูกต้องตามระเบียบแล้วจึงดำเนินการให้ตามขอ โดยไม่ได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทั้งได้รับคำยืนยันจากำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านและสำนักงานเขตบางเขนว่า ที่ดินในซอยวัดพรพระร่วงประสิทธิ์เป็นทางสาธารณะ ประชาชนได้ใช้ที่ดินดังกล่าวเป็นทางติดต่อกันมาหลายสิบปีโดยไม่มีการหวงห้าม ถือว่าโจทก์ทั้งสามได้อุทิศให้เป็นทางสาธารณะเพื่อประโยชน์ประชาชนใช้ร่วมกันโดยปริยาย จึงเห็นได้ว่าจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ว่าที่ดินพิพาทตกเป็นทางภาระจำยอมแก่ที่ดินของบุคคลอื่นในบริเวณใกล้เคียง คดีจึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่า ที่ดินพิพาทเป็นทางภาระจำยอมหรือไม่ แม้จำเลยจะนำสืบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องภาระจำยอมดังกล่าวก็เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดจากพยานนอกประเด็นข้อพิพาทไม่เกี่ยวกับที่คู่ความจะต้องนำสืบ และเป็นข้อเท็จจริงที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ต้องห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 (1) ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ที่ดินพิพาทเป็นทางภาระจำยอม การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ทั้งสามนั้นจึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นและไม่ชอบด้วยกฎหมาย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยในข้อต่อไปมีว่า การที่จำเลยปักเสาไฟฟ้าและพาดสายไฟฟ้าบนที่ดินพิพาทเป็นการละเมิดต่อโจทก์ทั้งสามหรือไม่ โจทก์ทั้งสามมีนายจำลอง ผู้รับมอบอำนาจและนายวิรัตน์ เป็นพยานเบิกความยืนยันว่าจำเลยปักเสาไฟฟ้าและพาดสายไฟฟ้าบนที่ดินพิพาทของโจทก์ทั้งสามที่ดินพิพาทไม่ใช่ทางสาธารณะแต่เป็นถนนส่วนบุคคลที่โจทก์ทั้งสามสงวนสิทธิ์ว่าเป็นที่ดินส่วนบุคคลของโจทก์ทั้งสาม โดยทำประกาศป้ายไม้แสดงความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ว่าเป็นถนนส่วนบุคคล และก่อนที่จำเลยจะดำเนินการปักเสาไฟฟ้าและพาดสายไฟฟ้าบนที่ดินพิพาทโจทก์ที่ 1 เคยมีหนังสือลงวันที่ 4 ตุลาคม 2536 ชี้แจงข้อเท็จจริงว่าที่ดินพิพาทมิใช่ทางสาธารณประโยชน์แต่เป็นกรรมสิทธิ์รวมของโจทก์ทั้งสาม โดยส่งไปยังผู้อำนวยการเขตบางเขน กำนันตำบลออเงิน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 สำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาบางเขน และสมาคมธนาคารแห่งประเทศไทย ตามเอกสารหมาย จ.7 และโจทก์ทั้งสามมีนายประสาท นายช่างรังวัดที่ดิน สำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาบางเขน เป็นพยานเบิกความสนับสนุนว่า เป็นผู้รังวัดสอบเขตที่ดินพิพาทได้ความว่า ที่ดินพิพาทมีเสาไฟฟ้าและสายไฟฟ้าติดตั้งอยู่ จำเลยมีนายพิศดารและนายสิทธิพร พนักงานของจำเลยเป็นพยานเบิกความว่า จำเลยปักเสาไฟฟ้าและพาดสายไฟฟ้าบนที่ดินพิพาทตามคำขอของประชาชนในชุมชนวัดพรพระร่วงประสิทธิ์ และจำเลยร่วมได้ทำหนังสือรับรองว่า ที่ดินพิพาทเป็นถนนสาธารณะ นอกจากนี้สำนักงานเขตบางเขนยังมีหนังสือรับรองอีกว่า ถนนซอยพระร่วงประสิทธิ์เป็นถนนสาธารณะ นายพิศดารเบิกความรับว่า ตามหลักปฏิบัติการปักเสาไฟฟ้าและพาดสายไฟฟ้าบริเวณใดนั้นจะต้องมีหนังสืออนุญาตของเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสำเนาโฉนดที่ดินส่งมอบให้จำเลย แต่การปักเสาไฟฟ้าและพาดสายไฟฟ้าบนที่ดินพิพาทจำเลยร่วมได้ทำหนังสือรับรองว่าที่ดินพิพาทเป็นถนนสาธารณะ จำเลยจึงไม่ได้สอบถามหรือขอคำอนุญาตจากโจทก์ทั้งสาม และก่อนที่จะทำการปักเสาไฟฟ้าและเดินสายไฟฟ้าในชุมชนที่ดินพิพาท จำเลยไม่ได้ทำการสำรวจก่อนว่า การปักเสาไฟฟ้าจะเดินสายไฟฟ้าในชุมชนที่ดินพิพาท จำเลยไม่ได้ทำการสำรวจก่อนว่าการปักเสาไฟฟ้าจะผ่านที่ดินของผู้ใดบ้าง โดยจำเลยจะเป็นผู้กำหนดแนวเส้นทางในการปักเสาไฟฟ้าเอง โดยผ่านที่ดินซึ่งมีผู้ร้องขอ เห็นว่า จำเลยดำเนินกิจการให้บริการประชาชนโดยการจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าอันเป็นการสาธารณูปโภค ซึ่งย่อมจะต้องดำเนินงานตามระเบียบแบบแผนของจำเลยที่กำหนดไว้ เมื่อจำเลยทำการปักเสาไฟฟ้าและเดินสายไฟฟ้าในที่ดินพิพาทโดยมิได้ทำการสำรวจเสียก่อนว่าการปักเสาไฟฟ้าดังกล่าวจะผ่านที่ดินของผู้ใดบ้าง ทั้ง ๆ ที่การสำรวจตรวจสอบดังกล่าวอยู่ในวิสัยที่จะกระทำได้และสมควรกระทำเพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาการรุกล้ำที่ดินของเอกชน อันจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของที่ดินที่ถูกเสาไฟฟ้าพาดผ่าน แต่จำเลยก็หาได้ดำเนินการดังกล่าวไม่ คงอาศัยเพียงคำรับรองตามหนังสือของจำเลยร่วมและสำนักงานเขตบางเขน เอกสารหมาย ล.14 และ ล.16 แล้วเข้าใจเอาเองว่าที่ดินพิพาทเป็นถนนสาธารณะที่จำเลยสามารถทำการปักเสาไฟฟ้าและพาดสายไฟฟ้าได้ ทั้งๆ ที่จำเลยร่วมมิใช่เจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ตามกฎหมายในการรับรองดังกล่าว และหนังสือรับรองของสำนักงานเขตบางเขนเอกสารหมาย ล.16 ก็ไม่ปรากฏข้อความใดระบุไว้หรือแสดงว่าที่ดินพิพาทเป็นถนนสาธารณะแต่อย่างใด ที่จำเลยอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นทางสาธารณะประชาชนได้ใช้ที่ดินเป็นทางติดต่อกันหลายสิบปีโดยไม่มีการหวงห้าม ถือว่าโจทก์ทั้งสามได้อุทิศให้เป็นทางสาธารณะโดยปริยาย ก็ไม่มีประชาชนที่ได้ใช้ที่ดินดังกล่าวมาเป็นพยานเบิกความสนับสนุน ทั้งได้ความจากนางเชื้อน พยานจำเลย เจ้าของที่ดินใกล้เคียงกับที่ดินพิพาทที่ใช้ที่ดินพิพาทผ่านเข้าออกสู่ถนนสุขาภิบาล 5 ว่า เหตุที่ได้ใช้ที่ดินพิพาทเพราะได้มีข้อตกลงกับนางผาดเจ้าของที่ดินพิพาทเดิม พยานหลักฐานของโจทก์ทั้งสามมีน้ำหนักดีกว่าพยานหลักฐานของจำเลย ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ที่ดินพิพาทมิใช่เป็นทางสาธารณะ การที่จำเลยทำการปักเสาไฟฟ้าและพาดสายไฟฟ้าในที่ดินพิพาทโดยมิได้สำรวจตรวจสอบถึงสิทธิในที่ดินให้ได้ความแน่ชัดเสียก่อน และมิได้รับความยินยอมจากโจทก์ทั้งสาม จึงเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อ ทำให้โจทก์ทั้งสามซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินดังกล่าวได้รับความเสียหายย่อมเป็นการละเมิดและต้องรับผิดในความเสียหายต่อโจทก์ทั้งสาม ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share